วันนี้ (3 กุมภาพันธ์) เมื่อเวลาประมาณ 14.30 น. บริเวณถนนพิษณุโลก ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) หรือพีมูฟ ออกแถลงการณ์เร่งติดตามสิทธิตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) และยื่นหนังสือข้อเรียกร้องปัญหาในเชิงนโยบายแต่ละพื้นที่หมู่บ้านกับตัวแทนสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมประกาศเดินทางกลับ ยุติกิจกรรมการชุมนุมในพื้นที่ โดยจะยังคงรอผลและติดตามมติ ครม. ต่อไป หากยังไม่มีความคืบหน้าหรือข้อเรียกร้องยังไม่มีผลก็จะกลับมายังบริเวณเดิม
สำหรับรายละเอียดในแถลงการณ์ของ ขปส. หรือพีมูฟ มีรายละเอียดระบุว่า ตามที่ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) ได้ปักหลักชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา แก้ไขปัญหาเชิงนโยบาย 15 ข้อ ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2565 จนนำมาซึ่งการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมครั้งที่ 1/2565 เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2565 ณ มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ทำเนียบรัฐบาล และห้องประชุมอาคารสำนักงาน ก.พ. (เดิม) โดยมี พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของพีมูฟทั้ง 15 ข้อ และได้นำผลเข้าสู่การพิจารณารับทราบและเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 นั้น
เราเห็นว่ามติ ครม. ดังกล่าวจะนำมาซึ่งหลักการและแนวทางการแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชนเชิงนโยบายและโครงสร้าง และสร้างกลไกกำกับติดตามระดับพื้นที่ อันจะมาซึ่งพัฒนาคุณภาพชีวิต ดังนี้
- หลักการสร้างความมั่นคงและยั่งยืนในการเข้าถึงสิทธิในการจัดการที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติของประชาชน และเพื่อให้คนจนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและดำรงวิถีชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี เช่น แนวทางว่าด้วยการยกระดับการจัดการที่ดินในรูปแบบโฉนดชุมชน, หลักการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยชุมชนผู้มีรายได้น้อย ในที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศทั่วประเทศ, การปฏิรูปที่ดินตามกลไกสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (บจธ.) นโยบายด้านการพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานและปรับปรุงที่อยู่อาศัยการเร่งรัดแก้ไขปัญหาด้านสิทธิและสถานะบุคคลของ ขปส. แล้วเสร็จภายในปี 2566, การผลักดันให้ระบบสวัสดิการถ้วนหน้า เช่น ระบบบำนาญประชาชน และเงินอุดหนุนเด็ก, การสนับสนุนและรับรองกฎหมายคุ้มครองสิทธิและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์, การแก้ไขและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการพัฒนารัฐ และการออกกฎหมายนิรโทษกรรมแก่ราษฎรซึ่งได้รับความเสียหายหรือผลกระทบจากการดำเนินการตามนโยบายของรัฐด้านที่ดินและป่าไม้ เป็นต้น
- หลักว่าด้วยการทบทวนและปรับปรุงกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงสิทธิในการจัดการที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ และพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดำรงอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี เช่น การทบทวนและปรับปรุงกฎหมายป่าไม้ 3 ฉบับ ประกอบด้วยพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562, พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 และ พ.ร.บ.ป่าชุมชน พ.ศ. 2562 และร่างกฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติดังกล่าว
- หลักการแต่งตั้งกลไกติดตามการแก้ปัญหาทั้งระดับนโยบายและรายกรณี เช่น แต่งตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและแก้ไขปัญหาชุมชนกะเหรี่ยงบางกลอย, คณะกรรมการแก้ไขปัญหาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษ, คณะกรรมการกำกับขับเคลื่อนการฟื้นฟูวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลและกะเหรี่ยง, การปรับปรุงคณะอนุกรรรมการประสานงานเร่งรัดติดตามการแก้ไขปัญหาและขับเคลื่อนนโยบาย 9 ด้าน เป็นต้น อันจะมาซึ่งความร่วมมือในการแก้ปัญหาของ ขปส. ให้เกิดรูปธรรมความสำเร็จโดยเร็ว
เราขอยืนยันว่าจะติดตามการดำเนินการตามมติ ครม. ดังกล่าวถึงที่สุด หากไม่เป็นตามผลข้างต้น เราจะกลับมาอีกครั้งพร้อมประชาชนทั่วประเทศ เพราะการดำรงอยู่ของรัฐบาลก็เพื่อแก้ปัญหาประชาชนเป็นสำคัญ
ต่อมาในเวลา 15.00 น. กลุ่มพีมูฟพร้อมชาวบ้านที่ได้ร่วมปักหลักชุมนุมค้างคืนบริเวณถนนพิษณุโลก ได้เก็บผ้าใบ ข้าวของเครื่องใช้ ที่หลับนอน จัดกระเป๋าเดินทาง และทำความสะอาดพื้นที่ เพื่อเดินทางกลับบ้านในแต่ละชุมชนของเครือข่าย ขปส. โดยมีการเล่นดนตรีสดพร้อมแจกดอกกุหลาบสีแดงเพื่อเป็นกำลังใจให้ชาวบ้านที่มาร่วมทำกิจกรรมครั้งนี้อีกด้วย
ขณะที่ในเวลา 16.00 น. อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย เสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, มงคลชัย สมอุดร รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เดินทางไปยังบริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ถนนพิษณุโลก ซึ่งเป็นสถานที่ปักหลักชุมนุมของกลุ่มพีมูฟ เพื่อร่วมส่งชาวบ้านเดินทางกลับภูมิลำเนา หลังจากผลการหารือตามข้อเรียกร้องเป็นที่น่าพอใจ
ทั้งนี้ในช่วงบ่ายที่ผ่านมา ธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้นำคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการฉบับแก้ไข ที่ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) ได้ลงนามเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2565 ให้ อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานอนุกรรมการ มามอบให้กับทางกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อสร้างความมั่นใจ
อนุชากล่าวว่า รัฐบาลโดยการนำของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนต่อปัญหาที่กำลังเผชิญ จึงได้สั่งให้เร่งดำเนินการแก้ปัญหาโดยด่วนภายหลังจากที่แกนนำได้เข้าพบและหารือข้อเสนอ ซึ่ง ครม. จะร่วมพิจารณาแก้ปัญหาทีละด้าน โดยคำนึงถึงความสำคัญเร่งด่วนที่ส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนจำนวนมากตามลำดับ ทั้งนี้คณะทำงานชุดใหม่ที่ได้รับการแต่งตั้งจะเร่งลงพื้นที่เพื่อติดตามและแก้ไขปัญหา