องค์กร Oxfam เผยแพร่รายงานชื่อว่า Time to Care ที่ตีพิมพ์ก่อนการประชุม World Economic Forum ประจำปีจะเปิดฉากขึ้น ระบุว่ามหาเศรษฐีระดับพันล้านทั่วโลกจำนวน 2,153 คน หรือ 1% ของยอดพีระมิด มีทรัพย์สินรวมกันมากกว่า 2 เท่าของประชาชนทั่วโลกกว่า 4,600 ล้านคนรวมกัน ซึ่งสะท้อนปัญหาความเหลื่อมล้ำที่ยังน่าวิตกกังวล
รายงานดังกล่าวมุ่งเน้นการสะท้อนปัญหาความไม่เสมอภาคและเรียกร้องการดำเนินนโยบายของรัฐบาลทั่วโลกเพื่อแก้ไขปัญหาความไม่เสมอภาคและช่องว่างในสังคม พร้อมชี้ถึงปัญหาการเก็บภาษีเงินได้จากเหล่าเศรษฐีและภาษีนิติบุคคลที่ต่ำเกินไปอย่างมหาศาล เช่นเดียวกับการสนับสนุนงบประมาณสำหรับบริการสาธารณะที่ต่ำเกินไป
“เศรษฐกิจที่พังทลายของเราคือช่องทางหารายได้ของบรรดาเศรษฐีพันล้านและธุรกิจขนาดใหญ่จากการเสียสละของเหล่าคนธรรมดาทั้งชายและหญิง ไม่แปลกใจที่ผู้คนเริ่มจะตั้งคำถามว่าเศรษฐีพันล้านนั้นควรจะมีอยู่หรือไม่” อมิตาภ เบฮาร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Oxfam India กล่าว
ข้อมูลจากสำนักข่าว Bloomberg ชี้ว่าช่วงทศวรรษที่ผ่านมา มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดของโลก 3 อันดับแรกมีทรัพย์สินรวมกันกว่า 231,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 7,012,000 ล้านบาท โดย มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Facebook ซึ่งปัจจุบันครองตำแหน่งบุคคลที่รวยที่สุดอันดับ 5 ของโลก ด้วยทรัพย์สินกว่า 68,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นผู้ที่มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นสูงสุดในปี 2019 ที่ผ่านมา โดยมีกำไรจากธุรกิจหลังหักภาษีรวมแล้วกว่า 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 182,000 ล้านบาท
สำหรับมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดของโลก 20 อันดับแรก มีทรัพย์สินรวมกันมากกว่า 1,397,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 2 เท่าจากปี 2012 ที่มีทรัพย์สินราว 672,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่ Oxfam ยกตัวอย่างให้เห็นภาพโดยเปรียบเทียบกับคนทั่วไปที่เก็บเงินได้วันละ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3 แสนบาท ย้อนไปตั้งแต่ยุคก่อสร้างพีระมิดในอียิปต์จนถึงวันนี้ จะมีทรัพย์สินเพียง 1 ใน 5 ของบุคคลร่ำรวยที่สุดในโลก 5 อันดับแรก
ทั้งนี้รายงานของ Oxfam ยังชี้ให้เห็นถึงความไม่เสมอภาคทางเศรษฐกิจอันเกิดจากความไม่เสมอภาคทางเพศ ซึ่งปัจจุบันผู้หญิงต้องแบกรับภาระงานบ้านและงานบริการต่างๆ มากกว่าผู้ชาย ในขณะที่มีโอกาสเติบโตทางเศรษฐกิจน้อยกว่า
ภาพ: Shutterstock
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
