วานนี้ (27 กุมภาพันธ์) ที่รัฐสภา ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนก่อนเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาศึกษาเรื่องปัญหาเขตพื้นที่ปฏิรูปที่ดินทับซ้อนพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ว่า กมธ. ได้เรียกตนมาชี้แจงในเรื่องที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) รุกเข้ามาในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ซึ่งเรายืนยันชัดเจนอยู่แล้วว่า อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่มีเส้นแบ่งเขตตามพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ที่ผ่านมติทุกเรื่องมาแล้ว ตนยืนยันความชัดเจนและความถูกต้อง และคงมีหลายเรื่องที่จะต้องชี้แจงใน กมธ.
ส่วนกรณีที่ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า กรมแผนที่ทหารยืนยันว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นแนวกันชน ชัยวัฒน์กล่าวว่า ไม่มีหรอกแนวกันชน พ.ร.ฎ. เป็นแบบไหนก็แบบนั้น จะมาบอกว่าตรงนั้นเป็นแนวกันชนไม่ได้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า สามารถยืนยันได้ใช่หรือไม่ว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ของกรมอุทยานฯ ชัยวัฒน์กล่าวว่า “ใช่ครับ” พร้อมตั้งคำถามกลับว่า คำว่า ‘แนวกันชน’ เป็นแนวหลอกลวงหรือไม่ ตนขอยืนยันว่า อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่มี พ.ร.ฎ. จะเอาช่องว่างนั้นเป็นแนวกันชนไม่ได้ เรายืนยันด้วยหลักฐานที่เรามี และใช้ในชั้นศาลมา 30 ปีแล้ว
ส่วนการที่อ้างว่าจะนำพื้นที่แนวกันชนนี้ไปให้ชาวบ้านปลูกป่านั้น ชัยวัฒน์กล่าวว่า ไม่เกี่ยว ตรงนั้นเป็นแนวของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นคนละเรื่องกัน ถ้าบริสุทธิ์ใจที่ออกมาแถลงข่าวแบบนั้นก็รีบทำเลย ต้องเข้าใจว่า ‘แนวกันชน’ ในมาตรา 18 ของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) อุทยานแห่งชาติ ทั่วประเทศเป็นเส้นสีฟ้า ไปดูได้เลยว่าแนวกันชนห่างจากอุทยานแห่งชาติออกไป 3 กิโลเมตร ไม่ใช่เอาช่องว่างของป่าหรือเส้นมาแบ่งเขตว่าไม่ได้อยู่ในอุทยานและเป็นแนวกันชน มันไม่ได้ พร้อมยืนยัน 100% ว่า เป็นพื้นที่ของเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า แสดงว่าการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐ (One Map) เอามาใช้ไม่ได้จริงใช่หรือไม่ ชัยวัฒน์กล่าวว่า One Map ยังไม่ได้ประกาศใช้ และคนที่อยู่ในคณะกรรมการ One Map ก็เป็นคนเดียวกันกับที่มาอ้าง และออกเอกสารนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรี ส่วนจะเป็นเอกสารที่ถูกต้องหรือไม่ค่อยมาว่ากัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีโอกาสเข้าชี้แจงกับนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ชัยวัฒน์กล่าวว่า ถ้าท่านนายกรัฐมนตรีให้โอกาสให้กรมอุทยานฯ หรือเจ้าหน้าที่เข้าชี้แจง ตนก็พร้อมเข้าไปชี้แจงความชัดเจนและความถูกต้องต่อผืนป่าทั่วประเทศ พร้อมมองว่าการตัดสินของกรมแผนที่ทหาร ต้องพูดความจริงทั้งหมด เอารายละเอียดมาคุยกัน เรื่องจะจบง่าย แต่ถ้าเป็นแบบนี้ไม่จบแน่นอน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการคุยกับ พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แล้วหรือไม่ ชัยวัฒน์กล่าวว่า ท่านสั่งการอยู่แล้ว ให้มีความถูกต้อง แม่นยำ และรอบคอบ ตนจะเดินหน้าต่อ ไม่มีปัญหา
“ท่านเชื่อมั่นในเราอยู่แล้ว ถ้าไม่เช่นนั้นท่านก็ต้องปล่อยผมลอยคอสิ วันนี้ท่านบอกว่า ถ้าถูกต้องก็ทำเลย” ชัยวัฒน์กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำถึงการเรียกผู้ใหญ่ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มาคุยกัน เป็นความเข้าใจไม่ตรงกันใช่หรือไม่ ชัยวัฒน์กล่าวว่า ตนคิดว่าผู้ใหญ่ฝั่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต้องเข้าใจก่อน ที่เคยพูดว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อนหมายความว่าอย่างไร แนวเขตป่าอนุรักษ์คืออะไร ไม่ใช่ว่าขีดเข้ามาในแนวป่าแล้วบอกว่าเป็นแนวกันชน เป็นป่าชุมชน หรือปลูกป่าร่วมกัน มันไม่ใช่ ไม่อย่างนั้นคำพิพากษาศาลทุกคดีที่ถูกตัดสินไปแล้ว แสดงว่าเราผิด หรือแสดงว่าเจ้าหน้าที่รัฐและเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ถือว่ามีความผิดใช่หรือไม่
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า แนวทางการแก้ปัญหาที่ถูกต้องคืออะไร ชัยวัฒน์กล่าวว่า ทุกคนต้องพูดความจริง กรมแผนที่ทหารต้องมีความซื่อสัตย์ในตัวเองก่อน ถ้ากระโดดไปกระโดดมา แบบนี้ถูกต้องหรือไม่ ต้องเรียนว่าตนก็เรียนการสำรวจพื้นที่ การทำรังวัดแผนที่มา เป็นรุ่นแรกที่ทำสมุดจดการรังวัด (Field Book) และสมุดจดการรังวัดแบบไฟล์ดิจิทัลในปัจจุบันมีความคลาดเคลื่อนเพียง 5 เซนติเมตร จะมาบอกว่าตรงนั้นเป็นแนวของ ส.ป.ก. ไม่ได้ ตนขอตั้งคำถามว่า หลักของ ส.ป.ก. นั้นมีหรือไม่ เส้นของกรมพัฒนาที่ดินที่ระบุว่า การจำแนกที่ดินของ ส.ป.ก. มีหลักหมุดหรือไม่ ไม่ใช่เขียนในกระดาษแล้วมาบอกว่าใช่ ตนมีหมุด มีแผนที่ มีถนนรอบแนวเขตที่ใช้งบประมาณถึง 145 ล้านบาท ก็ขอให้สังคมใช้วิจารณญาณว่าของใครน่าเชื่อถือที่สุด เจอกันที่ศาล
