วันนี้ (1 กรกฎาคม) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างที่ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมคณะผู้บริหารจากกรมการค้าภายใน เดินทางไปยังร้านศึกษาภัณฑ์ สาขาลาดพร้าว เพื่อติดตามโครงการพาณิชย์ลดราคา Back to School ได้มีกลุ่มพนักงานองค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) จำนวนหนึ่งมารวมตัวเพื่อร้องขอความเป็นธรรม โดยขอให้จุรินทร์ส่งเรื่องต่อไปยัง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอให้ยกเลิกคำสั่งที่ 85/2563 เรื่อง การเลิกจ้างพนักงาน ขอให้แก้ปัญหาโดยการเข้าแผนฟื้นฟูเหมือนกับลักษณะของบริษัทการบินไทย
ซึ่ง บงกช ดวงทวีป พนักงานองค์การค้าของ สกสค. กล่าวทั้งน้ำตาว่าองค์กรต้องหารายได้เอง ไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐ เป็นกึ่งหน่วยงานรัฐ แต่บริหารแบบเอกชน ราคาต้องถูกกำหนดโดยรัฐบาล และที่ผ่านมาติดสถานการณ์โควิด-19 จึงมีคำสั่งให้หยุดงานรวมประมาณ 2 เดือนครึ่ง แต่ก็จ่ายเงินเดือนให้ 75% และเดือนมิถุนายนนี้ยังไม่ได้รับเงินเดือน ยอมรับว่าไม่ไหวจริงๆ และที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีการจ่ายโบนัสหรืองบประมาณใดๆ ตามที่มีการกล่าวอ้าง
อย่างไรก็ตาม ธนพร สมศรี รองเลขาธิการ สกสค. ในฐานะโฆษก สกสค. เปิดเผยผ่านรายการ เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ระบุว่าองค์การค้าของ สกสค. มีหนี้สินทั้งหมด 6,700 ล้านบาท ทำให้ต้องกู้มาเพื่อหมุนเวียนไม่ให้องค์กรล้ม
ยอดขาดทุนรายปีโดยเฉลี่ยปีละ 500-600 ล้านบาท ปัญหาต่อมาคือเมื่อขาดทุนติดลบก็ต้องไปกู้องค์กรแม่มาจ่ายเงินเดือน โดยกู้ สกสค. เฉพาะเงินเดือนมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท
ในส่วนของการเลิกจ้างพนักงาน 961 คนจาก 1,035 คนนั้นไม่ใช่การปิดกิจการ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการไม่มีแนวคิดการปิด เพราะในอดีตองค์กรนี้มีบุญคุณกับกระทรวงในสมัยที่มีผลประกอบการอู้ฟู่ ทางเลือกคือความรักที่คงไม่พอ ถึงแม้เราจะรักเขา แต่มันไม่พอ เราปล่อยให้เขาตายพร้อมกันในบ้านหลังนี้ทุกคนแล้วปล่อยให้บ้านพังไม่ได้ เราหาเงินมาจ่ายบำเหน็จและเงินชดเชยตามกฎหมายให้เขา อย่างอายุงานน้อยจะได้ต่ำสุดคือ 5 แสนบาท และบางคนได้ค่าชดเชยสูงถึง 4 ล้านบาท
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
