เมื่อก่อนหากไปเที่ยวแดนปลาดิบ การหาที่พักราคาสบายกระเป๋ากว่าโตเกียวแล้วล่ะก็ ‘โอซาก้า’ นี่แหละคือคำตอบ!แต่ความถูกที่ว่านี้อาจเป็นเพียงภาพลวงตาเพราะเมื่อ World Expo 2025 Osaka Kansai มาเยือน บวกกับการเปิดตัวของ ‘วิมานคาสิโน’ ที่กำลังจะเกิดขึ้น ราคาห้องพักในโอซาก้า มีแนวโน้มพุ่งสวนทางกับภาพจำเดิมๆ ที่เคยมีมา
ข้อมูลจาก STR บริษัทลูกของ CoStar Group บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังจากสหรัฐอเมริกา เผยว่า ราคาห้องพักเฉลี่ยต่อวัน (ADR) ในจังหวัดโอซาก้า ปี 2024 อยู่ที่ 128 ดอลลาร์สหรัฐ ขยับขึ้นเพียง 0.4% เมื่อเทียบกับปี 2019 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดวิกฤตโควิด
แม้ว่าต้นทุนการดำเนินงานจะ ‘สูงขึ้น’ ไม่ว่าจะเป็นค่าสาธารณูปโภคและค่าแรง แต่เมื่อวัดเป็นเงินเยน ราคา ADR ในเดือนธันวาคม 2024 อยู่ที่ 22,622 เยน สูงกว่าเดือนธันวาคม 2019 ถึง 66% ทว่า เมื่อแปลงเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ ราคา ADR กลับแทบไม่กระเตื้องสาเหตุหลักเป็นเพราะค่าเงินเยนอ่อนค่าลง ประมาณ 30% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ในช่วงเวลาเดียวกัน
ในทางกลับกัน ราคา ADR โรงแรมในโตเกียว เมื่อวัดเป็นเงินเยน ในเดือนธันวาคม 2024 อยู่ที่ 34,692 เยนและเมื่อวัดเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ ราคา ADR ในปี 2024 พุ่งขึ้น 11.4% เมื่อเทียบกับปี 2019 อยู่ที่ 194 ดอลลาร์สหรัฐ
หากถามว่า อะไรคือเบื้องหลังราคาห้องพักในโอซาก้าที่ยังคงต่ำปัจจัยสำคัญประการหนึ่ง คือการที่โอซาก้ามีโรงแรมในเครือต่างชาติน้อยกว่าโตเกียว เชนโรงแรมระดับโลกเหล่านี้มักจะปรับราคาตามกลไกตลาด โดยจับตาดูค่าที่พักในเมืองอื่นๆ ทั่วโลก
เชนโรงแรมต่างชาติที่มีสาขาอยู่ทั่วโลก จะกำหนดราคาในญี่ปุ่น โดยพิจารณาจากมุมมองของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่มองว่าราคาห้องพักในโรงแรมของตน เมื่อเทียบเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐแล้ว ‘สมเหตุสมผล’ หรือไม่ เมื่อเทียบกับราคาโรงแรมในเมืองใหญ่อย่างนิวยอร์กและลอนดอน ที่แพงกว่าญี่ปุ่นมาก
แม้ว่าเชนโรงแรมที่ดำเนินงานในญี่ปุ่นจะปรับราคาขึ้นบ้าง แต่ก็ยังคงดูคุ้มค่าในสายตานักท่องเที่ยวต่างชาติ ในทางกลับกัน การตั้งราคาต่ำเกินไป อาจบั่นทอนคุณค่าของแบรนด์โรงแรมได้
แต่สำหรับผู้ประกอบการโรงแรมญี่ปุ่นจำนวนมาก พวกเขากลับลังเลที่จะปรับราคาห้องพักขึ้นมากนัก เนื่องจากกังวลว่าจะไล่แขกให้ออกไปจากโรงแรม
ถึงโรงแรมนานาชาติจะเริ่มทยอยเข้ามาเปิดตลาดในโอซาก้ามากขึ้น แต่ผู้บริหารจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์สิงคโปร์รายหนึ่ง ที่พัฒนาโรงแรมในญี่ปุ่น กล่าวว่า “โตเกียวมีแบรนด์โรงแรมต่างชาติครบแทบทุกแบรนด์แล้ว แต่โอซาก้ายังขาดแบรนด์เหล่านี้อยู่มาก”
อีกปัจจัยหนึ่งที่น่าสนใจ คือโอซาก้าดึงดูดนักท่องเที่ยวจากเกาหลีใต้ จีน และไต้หวันจำนวนมากซึ่งนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ อาจไม่ได้รับประโยชน์จากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นมากนัก ข้อมูลจากองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น ระบุว่า สัดส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติ เมื่อเทียบกับจำนวนการพักค้างคืนทั้งหมด ในจังหวัดโอซาก้าและโตเกียวใกล้เคียงกัน อยู่ที่ 45% และ 53% ตามลำดับ ในเดือนพฤศจิกายน 2024
อย่างไรก็ตาม สัดส่วนนักท่องเที่ยวจากเกาหลีใต้ จีน และไต้หวัน เมื่อเทียบกับนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด (ในสถานประกอบการที่พักที่มีพนักงาน 10 คนขึ้นไป) กลับแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด โดยในโอซาก้าอยู่ที่ 49% ในขณะที่โตเกียวอยู่ที่ 29%
ค่าเงินของประเทศในเอเชียตะวันออกอื่นๆ ปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน แต่น้อยกว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นแม้ ”โอซาก้ามีนักท่องเที่ยวเอเชียมากกว่าโตเกียว ดังนั้นโรงแรมจำนวนมากจึงไม่ได้ปรับราคาตาม (การเปลี่ยนแปลงของราคา) ในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐ” Shiori Sakurai ผู้จัดการจาก STR กล่าว
เมื่อมหกรรม Expo ใกล้เข้ามาทุกที ผู้ประกอบการโรงแรมในโอซาก้า มีช่องว่างในการปรับราคาขึ้นอีกมากแต่พวกเขากลับลังเลโรงแรมแห่งหนึ่งในเกียวโต ภายใต้เครือโรงแรมญี่ปุ่นตรึงราคาไว้ในระดับที่ไม่สูงมากนัก ในช่วงฤดูท่องเที่ยวฤดูร้อนของญี่ปุ่นเมื่อปีที่แล้ว
“เมื่อพิจารณาว่าสถานการณ์ไม่คาดฝันอย่างการระบาดของโควิดอาจหวนกลับมาอีกครั้ง เราจึงต้องระมัดระวังที่จะไม่ตั้งราคาที่ลูกค้าชาวญี่ปุ่นจ่ายไม่ไหวที่จะมาพักกับเรา” ผู้จัดการฝ่ายกำหนดราคาของโรงแรมดังกล่าวกล่าว
ในโอซาก้าที่อยู่ใกล้เคียงกัน อุตสาหกรรมโรงแรมก็กังวลเช่นกันว่า การปรับราคาห้องพักขึ้น จะทำให้ลูกค้าประจำชาวญี่ปุ่น ‘ตีจาก’
“ผู้ประกอบการโรงแรมท้องถิ่นในโอซาก้า จำเป็นต้องพิจารณากลยุทธ์การกำหนดราคา ที่แยกลูกค้าชาวญี่ปุ่นออกจากนักท่องเที่ยวต่างชาติจากยุโรป สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย ซึ่งพร้อมจ่ายและสัมผัสได้ถึงข้อดีของค่าเงินเยนที่อ่อนค่า” Sakurai จาก STR กล่าวทิ้งท้าย
อ้างอิง: