×

จัดพอร์ตหุ้นในช่วง SET ‘ผันผวน’ รอความชัดเจนด้านการเมือง

10.06.2023
  • LOADING...
จัดพอร์ตหุ้น

สวัสดีครับท่านนักลงทุน SET ไม่ไปไหนนัก และคาดผันผวนในกรอบจากความไม่แน่นอนใน 2 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1) ปัจจัยภายในประเทศด้านการเมืองจากการจัดตั้งรัฐบาลและการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี และ 2) ปัจจัยต่างประเทศ 

 

ด้านนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) โดยเดือนพฤษภาคม นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเป็นเดือนที่ 4 ที่ระดับ 3.3 หมื่นล้านบาท จากเดือนก่อนหน้าที่ขายสุทธิ 7.9 พันล้านบาท ขณะที่เริ่มเดือนมิถุนายนถึง 7 มิถุนายน ที่กำลังเขียนคอลัมน์ฉบับนี้ นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิต่อที่ระดับ 2.7 พันล้านบาท 

 

ทั้งนี้ ในส่วนของประมาณการกำไรฯ ปี 2566 ของ SET นั้น Consensus มีการปรับลง 6.40% เช่นเดียวกับไต้หวัน เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และจีน ที่ปรับลง 3.53%, 3.25%, 2.59%, 2.47% และ 1.16% ตามลำดับ ตรงข้ามกับฟิลิปปินส์ที่ปรับขึ้น 1.94% 

 

ด้านสรุปผลประกอบการ 1Q66 กำไรตลาดฯ ลดลง 8.7%YoY แต่เพิ่มขึ้น 91.1%QoQ โดยบริษัทจดทะเบียนใน SET ทำกำไรสุทธิรวมกันกว่า 3.76 แสนล้านบาท กลุ่มฯ ที่มีกำไรสุทธิเติบโตสูงสุด YoY นำโดยกลุ่มท่องเที่ยว รองมาคือวัสดุก่อสร้าง วัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักร ICT ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ธนาคาร ยานยนต์ และสื่อ-สิ่งพิมพ์ ขณะที่กลุ่มฯ ที่มีกำไรสุทธิหดตัวมากสุด YoY นำโดยกลุ่มของใช้ในครัวเรือนและสำนักงาน รองมาคือบริการเฉพาะกิจ ปิโตรเคมี ของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ อาหาร เกษตร เหล็ก การแพทย์ แฟชั่น บรรจุภัณฑ์ ก่อสร้าง ขนส่ง และพลังงาน 

 

ด้านแนวโน้ม SET ในเดือนมิถุนายนคาดผันผวนในกรอบจากความไม่แน่นอน โดยเฉพาะปัจจัยภายในประเทศด้านการเมืองจากการจัดตั้งรัฐบาลและการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่นักลงทุนในตลาดติดตาม โดย SET มองผันผวนในกรอบ โดยกรอบล่างอยู่ที่แนวรับ 1,500 และ 1,470 จุด ตามลำดับ ส่วนกรอบบนอยู่ที่แนวต้าน 1,545 และ 1,570 จุด ตามลำดับ 

 

ทั้งนี้ แม้ SET ยังผันผวน แต่หากใช้กลยุทธ์เชิงรับ รอซื้อสะสมบริเวณ 1,500 จุดลงไป มองจะเป็นจุดรับที่ดี เนื่องจากคาดว่าบริเวณดังกล่าว ดัชนีจะเริ่มมี Downside ที่จำกัดและฟื้นตัวได้  อย่างไรก็ตาม ระดับการฟื้นตัวจะขึ้นอยู่กับเสถียรภาพและสูตรการจัดตั้งของรัฐบาลใหม่ ซึ่งคงต้องติดตามต่อไป โดยเฉพาะช่วงเดือนกรกฎาคม ซึ่งจะมีการเปิดประชุมสภาเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีไทย 

 

ด้านหุ้นแนะนำ แนะนำกลุ่มหุ้น 2 ธีม ดังนี้ 

  1. หุ้นที่ได้รับผลกระทบจำกัดจาก MOU 23 ข้อ ที่ 8 พรรคการเมืองร่วมลงนาม เลือก BBL, KTB, KBANK, HMPRO, GLOBAL, BCH, CHG, SPRC, ONEE, HTC, TNP 
  2. หุ้นที่ INVX Research มีการปรับเพิ่มเรตติ้ง และ/หรือ ปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย เลือก KKP, BJC, OSP 

 

ส่วนกลุ่มที่แนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นที่มีความเสี่ยงหรือปัจจัยลบกดดันราคาหุ้น ดังนี้ 

  1. หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าและกลุ่ม PTT ออกไปก่อน เนื่องจากมีความเสี่ยงหรือความไม่ชัดเจนของโครงสร้างราคาพลังงานจากนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ 
  2. หุ้นที่คาดได้รับผลกระทบอย่างมีนัยจากนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของรัฐบาลใหม่ ได้แก่ กลุ่มขนส่งพัสดุ (KEX) กลุ่มอาหาร (CPF, ZEN, GFPT, TU, AU, CENTEL) กลุ่มอสังหา (LPN, PSH, SIRI, QH, AP) และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (HANA, KCE) 
  3. หุ้นที่ราคาขึ้นมาสูงกว่าโควิด และฝ่ายวิจัย InnovestX แนะนำ Underperform ได้แก่ AAV, SAWAD, MST, NRF
FYI
  • รวมทุกช่องทาง InnovestX Official ให้คุณได้ติดตามข้อมูลข่าวสารการลงทุนรอบโลก คลิก: https://linktr.ee/InnovestX
  • เปิดบัญชีลงทุน InnovestX วันนี้! เปิดครั้งเดียวลงทุนได้ครบทั้งจักรวาลการลงทุน โหลดเลย คลิก https://innovestx.onelink.me/23if/bangkokpoststockfocus
  • ติดตามบทวิเคราะห์การลงทุนอื่นๆ เพิ่มเติมจาก InnovestX คลิก: https://bit.ly/respublisher #InnovestX #InnovestXResearch #InnovestXApp #จักรวาลการลงทุนในมือคุณ
  • ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน สินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising