บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก หรือ OR เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยครบรอบ 1 สัปดาห์เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ซึ่งได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างมากในทุกๆ วัน และเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ OR ได้ประกาศผลการดำเนินงานในปี 2563 โดย OR มีรายได้รวม 428,804 ล้านบาท ลดลง 148,330 ล้านบาท หรือลดลง 25.7% จากปีก่อน
ส่วนกำไรสุทธิงวดปี 2563 อยู่ที่ 8,791 ล้านบาท ลดลง 2,104 ล้านบาท หรือลดลง 19.31% เมื่อเทียบกับปี 2562
“ปีนี้สถานการณ์ของโรคอุบัติใหม่อย่างโควิด-19 น่าจะคลี่คลาย หลังจากที่หลายประเทศทั่วโลกรวมถึงไทยได้รับการแจกจ่ายวัคซีนในปริมาณที่สามารถป้องกันการแพร่ระบาดได้ ซึ่งน่าจะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัว การเดินทาง การท่องเที่ยว ก็จะกลับมา และมีผลต่อการบริโภคน้ำมัน” จิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก หรือ OR กล่าว
จิราพรคาดการณ์ว่า ธุรกิจน้ำมันปี 2564 จะดีกว่าปีที่แล้ว อานิสงส์จากการท่องเที่ยวและการเดินทางทั้งในประเทศและระหว่างประเทศเริ่มดีขึ้น หลังจากวิกฤตการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ซึ่งจะส่งผลต่อภาคธุรกิจ โดยเฉพาะการขนส่งและการท่องเที่ยวที่ส่งผลดีโดยตรงต่อธุรกิจค้าน้ำมัน ทั้งกับ PTT Station น้ำมันท่าอากาศยาน ซึ่งเป็นอีกพอร์ตที่ใหญ่ของ OR และปีนี้ OR ยังเพิ่มสาขาของ PTT Station ราว 100 สาขาตามกลยุทธ์เดิม
สำหรับความกังวลเรื่องสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่เคลื่อนไหวผันผวนนั้นเธอประเมินว่า ไม่กระทบกับธุรกิจค้าน้ำมันของ OR เพราะประเทศไทยค้าน้ำมันเสรี แต่หากราคาน้ำมันปรับขึ้นรุนแรงมาก ก็อาจส่งผลกับประชาชนและผู้ขนส่ง ซึ่งจุดนี้เรามีกองทุนน้ำมันของไทยอยู่ เชื่อว่ารัฐบาลก็จะเข้ามาดูแล
“หากประเมินจากนโยบายใหม่ของ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ น่าจะทำให้โอเปกคงกำลังการผลิตเอาไว้เพื่อควบคุม Supply จึงมองราคาน้ำมันดิบปีนี้น่าจะอยู่ที่ราว 50-60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล”
ขณะเดียวกันแนวโน้มธุรกิจน้ำมันค้าปลีกก็เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น สอดรับกับคาดการณ์เศรษฐกิจที่ขยายตัว ซึ่งส่งผลต่อการบริโภคของประชาชน
ส่วนธุรกิจค้าปลีก (Non-Oil) จิราพรกล่าวว่า OR จะเดินหน้าขยาย 400 สาขาในปีนี้ตามแผน ซึ่งการเพิ่มสาขาจะสะท้อนสู่ทั้งรายได้และกำไรต่อปี รวมถึงจะมุ่งลดต้นทุน อาทิ ต้นทุนการจัดเก็บสินค้าและวัตถุดิบต่างๆ โดยก่อนหน้านี้ OR เช่าใช้บริการคลังสินค้ากับพาร์ตเนอร์ แต่ปี 2564 OR จะเปิดศูนย์กระจายสินค้า (Distribution Center หรือ DC) ของตัวเอง ซึ่งจะทำให้ประหยัดต้นทุนและจัดส่งถึงรวดเร็วขึ้น
ขณะเดียวกันจะเพิ่มสินค้าด้าน F&B ที่หลากหลายขึ้นในร้าน Cafe Amazon รวมทั้งเพิ่มสินค้าพรีเมียมต่างๆ เพื่อเพิ่ม Ticket Size ให้กับธุรกิจค้าปลีก
นอกจากนี้ร้านเท็กซัส ชิคเก้น ซึ่ง OR เริ่มลงทุนเมื่อ 2 ปีที่แล้วนั้น ปีนี้จะเริ่มเห็นการเติบโตที่ชัดเจน หลังจากผ่านช่วงเวลาของการลงทุน ขยายสาขา และการบริหารจัดการลดต้นทุน ซึ่งทำให้เท็กซัส ชิคเก้น เกิด Economy of Scale และสามารถสร้างผลการดำเนินงานที่น่าพอใจได้
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล