วันนี้ (15 มีนาคม) ที่สยามอะเมซิ่งพาร์ค วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ขณะนี้ฝ่ายค้านยอมแก้ชื่อญัตติแล้ว คงไม่มีปัญหาอะไรรอหนังสือที่มีการแก้ไขเข้ามา คาดว่าจะเป็นวันจันทร์ที่ 17 มีนาคมนี้ เมื่อพิจารณาเรียบร้อยก็จะสั่งให้บรรจุระเบียบวาระ และในวันที่ 18 มีนาคม จะส่งให้นายกรัฐมนตรีเพื่อรับทราบกำหนดวันเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งหากเป็นไปตามนี้ในวันที่ 24 มีนาคม น่าจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจได้
ส่วนกรอบเวลาจะเป็นกี่ชั่วโมงกี่วัน ทางวิป 3 ฝ่ายจะต้องไปตกลงกัน ซึ่งได้มีการพูดคุยกันรอบหนึ่งแล้ว หากได้มีการพูดคุยกันในวันที่ 19 มีนาคมนี้ คาดว่าจะเรียบร้อย เพราะทุกฝ่ายก็อยากให้ประชาชนได้ฟังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกของผู้นำฝ่ายค้านคนนี้และรัฐบาลชุดนี้ สุดท้ายแม้จะลงมติอะไรก็ตาม แต่ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินเอง
เมื่อถามว่า ทางฝ่ายค้านได้มีการแจ้งมาหรือไม่ว่าเปลี่ยนจากชื่อ ทักษิณ ชินวัตร เป็นคำว่าอะไร ประธานสภากล่าวว่า ยังไม่ได้บอกว่าเป็นคำว่าอะไร แต่อยู่ในหลักการกว้างๆ และไม่ผิดข้อบังคับ ไม่เอ่ยชื่อบุคคลใด แต่หากมีการแก้ใหม่อีกรอบ แล้วยังผิดข้อบังคับอยู่ ก็ต้องให้แก้ไขใหม่ ขออย่ากังวลว่าจะเปิดอภิปรายไม่ทันวันที่ 24 มีนาคม เพราะสามารถขยับเวลาได้ไปจนถึงวันที่ 10 เมษายน ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของสมัยประชุมนี้
เมื่อถามว่า หากฝ่ายค้านแก้เป็นใครคนนั้นหรือ สทร. (เสือกทุกเรื่อง ฉายาที่ทักษิณตั้งให้กับตนเอง) ได้หรือไม่ ประธานสภากล่าวว่า ไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะไม่ได้เอ่ยชื่อบุคคล ส่วนคนจะเข้าใจอย่างไรก็เป็นเรื่องของประชาชนและ สส. ในสภา
ส่วนที่ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน เคยบอกว่า ถ้ายอมแก้ญัตติจะต้องไม่สั่งหยุดการอภิปรายนั้น ยืนยันว่าการอภิปรายต้องเป็นไปตามข้อบังคับ แต่เพื่อไม่ให้เกิดการถกเถียง ตนจะให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรชี้แจงระเบียบอย่างชัดเจนก่อนเริ่มการประชุม
“เหมือนเล่นกีฬา ที่ต้องทำภายใต้กติกา หากทุกฝ่ายเคารพกติกา การเล่นก็จะเป็นไปได้ด้วยดี แพ้ชนะเรื่องหนึ่งแต่กรรมการต้องเป็นกลาง แน่นอนกรรมการอาจจะต้องถูกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตำหนิ แต่ก็ต้องยอมรับว่ากรรมการไม่สามารถทำให้ทุกฝ่ายพอใจได้” ประธานสภากล่าว
ประธานสภาฯยอมรับว่า แม้ไม่เอ่ยชื่อแต่มีการกล่าวพาดพิงบุคคลภายนอกอาจนำไปสู่การประท้วงได้ เพราะถ้าไม่พาดพิงเลยจะอภิปรายได้อย่างไร ไม่ใช่แค่ทักษิณ แต่คนอื่นก็เหมือนกัน
ถ้าไม่ผิดกติกา ไม่เอ่ยชื่อ ไม่เสียดสี สามารถทำได้ แต่ถ้าอ้างว่าจำเป็นต้องเอ่ยชื่อก็ต้องดูกติกาอีกที เพราะญัตตินี้ตามรัฐธรรมนูญสมาชิกอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี คนภายนอกหรือผู้ที่เกี่ยวข้องไม่สามารถจะมาชี้แจงแทนได้ ไม่เหมือนญัตติอื่นๆ
ส่วนที่ ชวน หลีกภัย สส. พรรคประชาธิปัตย์ เตือนว่าถ้าให้มีให้ฝ่ายค้านตัดชื่อทักษิณ รับรองว่าจะได้คำที่หนักกว่าเดิมแน่นอน ประธานสภายืนยันว่าไม่เป็นไร ขอแค่อย่าผิดกติกา
พิจารณาคำร้องยื่นถอดถอนประธาน ป.ป.ช. ไม่เกิน 3 เดือน
ส่วนความคืบหน้ากรณีที่พรรคประชาชนยื่นถอดถอน สุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประธานสภาระบุว่า ขณะนี้กำลังตรวจสอบอยู่ แต่เนื่องจากช่วงนี้ทับซ้อนกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยืนยันว่าจะพิจารณาให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ซึ่งต้องพิจารณาให้รอบด้าน ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 236 คาดว่าจะไม่เกิน 3 เดือน
ส่วนกรณีคลิปเสียงพาดพิงถึงนั้น ประธานสภาระบุว่า ไม่หนักใจ เพราะเราดำเนินการตามรัฐธรรมนูญและข้อบังคับของสภา แต่กว่าจะถึงขั้นนั้นเจ้าหน้าที่ต้องทำการตรวจสอบรายละเอียด เพราะเนื้อหามีร้อยกว่าหน้า และมีหลายกรณีรวมทั้งมีการพาดพิงไปถึงองค์กรอื่นๆ เช่น ศาลปกครอง และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แต่ยืนยันว่าจะทำให้ดีที่สุด