วันนี้ (10 สิงหาคม) สุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (ประธานวิปฝ่ายค้าน) พร้อมตัวแทนพรรคฝ่ายร่วมค้าน เข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ให้ดำเนินการไต่สวนและเอาผิด พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ออกข้อกำหนดข้อ 29 ตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉิน จำกัดสิทธิเสรีภาพการนำเสนอข้อมูลข่าวสารของประชาชนและสื่อมวลชน จนทำให้สื่อมวลชนยื่นฟ้องศาล จนในที่สุดศาลแพ่งมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวแล้ว ข้อกำหนดนั้นจึงไม่มีผลบังคับใช้ แต่จนถึงขณะนี้รัฐบาลยังไม่ทบทวนและกระทำการสอดรับคำสั่งดังกล่าว
ทั้งนี้การกระทำของ พล.อ. ประยุทธ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี มีความผิดชัดเจนเพิ่มเติมอีกอย่างน้อย 4 กระทง ที่กระทบต่อบุคคลและสาธารณชนในวงกว้าง คือ
- กระทำผิดรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 มาตรา 36 ที่รับรองและคุ้มครองเสรีภาพในการติดต่อสื่อสารถึงกันของบุคคล ซึ่งถือเป็นการจำกัดสิทธิบุคคล เรื่องเสรีภาพข้อมูลข่าวสาร รวมทั้งมาตรา 35 ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนย่อมมีเสรีภาพในการเสนอข่าวสารหรือการแสดงความคิดเห็นตามจริยธรรมแห่งวิชาชีพ
- พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 เป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
- ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย และเข้าข่ายกระทำความผิดอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือโดยทุจริตเพื่อแสวงหาประโยชน์ทางการเมืองของตนโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
- ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินและหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระ ซึ่งให้นำมาใช้บังคับแก่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา และคณะรัฐมนตรีด้วย ตามข้อ 8, 11, 12 และ 13
สุทินกล่าวว่า จากการบริหารงานผิดพลาดจนแก้ไขสถานการณ์ไม่ได้ รัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ ยังเตรียมออกกฎหมายปิดปาก และกำลังจะดันเรื่องกฎหมายนิรโทษกรรมโดยการออกร่าง พ.ร.ก. จำกัดความรับผิดสำหรับบุคลากรสาธารณสุขในการรักษาพยาบาลผู้ป่วยจากโรคโควิดให้ตนเอง ถือเป็นการกระทำผิดครบวงจร คือไม่รับผิดชอบและหนีความผิด พรรคฝ่ายค้านจึงได้รวมตัวกันมายื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. เพื่อขอความเป็นธรรม
“วันนี้มาขอพึ่ง ป.ป.ช. เพื่อให้พิจารณาไต่สวนและเอาผิด พล.อ. ประยุทธ์ เพื่อดันคดีขึ้นสู่ศาลฎีกาคดีแผนกอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และองค์กรอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป เชื่อว่าหากศาลประทับรับฟ้องจะมีผลสั่งให้ พล.อ. ประยุทธ์ หยุดการปฏิบัติหน้าที่ หรือจะเป็นการอื่นใดสุดแท้แต่ศาล แต่ปลายทางแล้วเชื่อว่าเมื่อพิสูจน์ความผิดตามข้อกล่าวหาทั้งหมดแล้ว จะมีผลกระทบต่อสถานภาพ พล.อ. ประยุทธ์ แน่นอน” สุทินกล่าว