×

เธียร์รี อองรี ‘The King’ ตัวจริงของพรีเมียร์ลีก

04.05.2025
  • LOADING...

ภาพของ โม ซาลาห์ ที่ได้ฉลองแชมป์พรีเมียร์ลีกกับลิเวอร์พูลอีกครั้งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้เกิดหนึ่งในประเด็นสนทนาภาษาลูกหนังที่สนุกและชวนค้นหาคำตอบ

 

‘The Egyptian King’ แห่งแอนฟิลด์นั้นอยู่ ณ จุดไหนของทำเนียบสุดยอดนักเตะพรีเมียร์ลีก?

 

ไม่ว่าคำตอบของคุณจะเป็นอย่างไรก็ตาม ในความรู้สึกส่วนตัวของผม รวมถึงใครอีกหลายคนที่ไม่ใช่แค่เพียงแฟนฟุตบอล แต่รวมถึงอดีตนักฟุตบอลทั้งที่เคยได้เห็นฟอร์มการเล่นผ่านตา เคยร่วมทีมกันมา หรือเคยประลองเพลงแข้งกันบนฟลอร์หญ้า

 

คนที่คู่ควรกับคำว่า ‘ราชา’ ของพรีเมียร์ลีกคือ เธียร์รี อองรี

 

ในประวัติศาสตร์ของเกมฟุตบอลพรีเมียร์ลีกนับตั้งแต่เกิดการปฏิวัติครั้งใหญ่ในวงการฟุตบอลอังกฤษ ก่อนนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงที่เปลี่ยนทุกสิ่งไปตลอดกาลเมื่อปี 1992 มีสุดยอดนักฟุตบอลมากมายหลายคนที่ผลัดกันมาสร้างตำนานในแบบของตัวเอง

 

อลัน เชียเรอร์, เอริค คันโตนา, เดนนิส เบิร์กแคมป์, จานฟรังโก โซลา, ไมเคิล โอเวน, ไรอัน กิ๊กส์, เซร์คิโอ อเกวโร, เอเดน อาซาร์, คริสเตียโน โรนัลโด, เควิน เดอ บรอยน์, เวย์น รูนีย์, ปาทริก วิเอรา, รอย คีน

 

หรือนักเตะในประเภท Cult Heroes ผู้มาเพื่อสร้างปรากฏการณ์อย่าง เปาโล ดิ คานิโอ, แมทธิว เลอ ทิสซิเอร์, หลุยส์ ซัวเรซ

 

โม ซาลาห์ เองก็จัดอยู่ในสุดยอดนักฟุตบอลผู้ผ่านการพิสูจน์ผลงานอันน่ามหัศจรรย์ โดยเฉพาะในแง่ของความสม่ำเสมอในการเล่นตลอดช่วงระยะเวลา 8 ฤดูกาลของเขากับลิเวอร์พูลที่แทบจะไม่พลาดการลงสนามเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมากๆ

 

ตรงนี้ต้องยอมรับในวินัยของซูเปอร์สตาร์ชาวอียิปต์ที่อยู่ในระดับไม่ใช่ก็ใกล้เคียงกับ คริสเตียโน โรนัลโด นักฟุตบอลที่อยู่ในหมวด ‘ซูเปอร์แมน’

 

 

เพียงแต่หากลองถามความรู้สึกกันอีกทีว่า ใครคือสุดยอดนักเตะตลอดกาลของพรีเมียร์ลีก ชื่อของ เธียร์รี อองรี มักจะเป็นชื่อที่หลายคนคิดถึงเป็นคนแรกๆ

 

เรื่องนี้มันมีเหตุผลครับ

 

อองรีนั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่นักฟุตบอลที่เก่งกาจหาตัวจับได้ยาก แต่ยังมีคุณสมบัติอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เพียบพร้อมอยู่ในตัวเอง

 

นอกจากพรสวรรค์ในการเล่นอันสูงส่งแล้ว ความเร็วของเขาเหมือนวิ่งบนอากาศ อองรียังมีความเป็นผู้นำสูง มีความกล้าหาญที่พร้อมเผชิญหน้ากับทุกอุปสรรค เขายังสามารถตัดสินชัยชนะให้ทีมได้ตลอดเวลา และเราจะได้เห็นลีลาการเล่นอันน่าอัศจรรย์ใจจากเขาเสมอ

 

เหมือนลูกกระดกบอลขึ้นกลางอากาศก่อนกลับตัววอลเลย์เสียบสามเหลี่ยมในเกมที่พบกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

 

หรือการลากแหวกนักเตะลิเวอร์พูลทั้งแผง สับขาหลอกจน เจมี คาร์ราเกอร์ หัวทิ่มหัวตำก่อนจะยิงประตูเข้าไปอย่างเหนือชั้น

 

สิ่งเหล่านี้คือความมหัศจรรย์ในสายตาของเรา

 

แต่สำหรับอองรี มันคือความมหัศจรรย์ธรรมดา เป็นเรื่องที่เขาทำได้โดยไม่ได้รู้สึกยากลำบากอะไร

 

ว่าแล้วก็ยักไหล่ในสไตล์อองรีให้ดู

 

โอเค โดยระดับความมหัศจรรย์แล้ว อองรีอาจจะยังเทียบชั้นไม่ได้กับคนที่อยู่เหนือไปอีกขั้นอย่าง ‘โอ เฟโนเมโน’โรนัลโด (ต้นตำรับ) หรือแม้แต่โรนัลดินโญ รวมถึง ลิโอเนล เมสซี ซึ่งสองคนหลังเคยเล่นร่วมกันในทีมบาร์เซโลนา

 

แต่สำหรับในระดับพรีเมียร์ลีกแล้ว คนจำนวนไม่น้อยที่น่าจะคิดตรงกันว่าอองรีคือที่สุดจริงๆ 

 

เพราะไม่ใช่เพียงแค่เก่งในระดับที่ในยุคทองของเขาแล้ว อองรีเข้าขั้น Unplayable คือไม่มีใครต่อกรได้ จับไม่ได้ ไล่ไม่ทัน

 

บวกกับคาแรกเตอร์ ความมั่นใจของเขาซึ่งอยู่ในระดับทะลุเพดานทะยานฟ้า ใครก็เอาไม่ลงทั้งนั้น (นอกจากลิฟต์) ก็น่าจะเป็นหนึ่งในสิ่งที่สร้างความแตกต่างทางความรู้สึกให้แก่แฟนฟุตบอลจำนวนไม่น้อยที่จะจดจำเขาในฐานะหนึ่งในนักฟุตบอลที่เก่งที่สุด

 

สุดท้ายคือผลงานในเชิงประจักษ์ ไม่ว่าจะเป็นผลงานส่วนบุคคลซึ่งทำไป 175 ประตูจากการลงสนาม 258 นัดให้กับอาร์เซนอล (ซาลาห์ทำได้ 185 ประตูและ 87 แอสซิสต์จากการลงสนาม 297 นัด) คว้ารางวัลรองเท้าทองคำสำหรับดาวซัลโว 4 สมัย 

 

 

อองรียังพาอาร์เซนอลคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ 2 สมัย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการคว้าสร้างตำนาน The Invincibles แชมป์ไร้พ่ายในฤดูกาล 2003/04 ซึ่งเขาเป็นกำลังสำคัญของทีมในเวลานั้นด้วย

 

ผลงานดังกล่าวทำให้เมื่อพรีเมียร์ลีกตัดสินใจตั้งรางวัล Premier League Hall of Fame หรือหอเกียรติยศแห่งพรีเมียร์ลีกเมื่อปี 2021 ชื่อของอองรีคือหนึ่งในสองคนแรกที่ถูกเสนอให้เป็นนักฟุตบอลที่ได้รับการขึ้นหิ้งร่วมกับ อลัน เชียเรอร์ ที่เป็นดาวซัลโวตลอดกาลด้วยจำนวน 260 ประตู

 

การคว้าตัวสตาร์แห่งวงการฟุตบอลฝรั่งเศสรายนี้ยังเป็นหนึ่งในผลงาน ‘ประติมากรรมลูกหนัง’ ที่ อาร์แซน เวนเกอร์ บอสตลอดกาลของอาร์เซนอลภาคภูมิใจอย่างมากด้วย

 

เพราะเวนเกอร์เป็นคนที่มองขาดตั้งแต่แรกว่าอองรีนั้นจะเปล่งประกายที่สุดในบทบาทไหน

 

ย้อนกลับไปในปี 1999 อองรีย้ายจากโมนาโก มาอยู่กับยูเวนตุสในช่วงเดือนมกราคมหลังจบศึกฟุตบอลโลก 1998 ที่ฝรั่งเศสเป็นทั้งเจ้าภาพและแชมป์โลก แต่การย้ายไปตูรินในครั้งนั้นกลายเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด เพราะ มาร์เชลโล ลิปปี ไม่รู้ที่จะยัดเด็กคนนี้ลงตรงไหนในทีมเบียงโคเนรีที่อุดมไปด้วยสตาร์นามอุโฆษ

 

อเลสซานโดร เดล ปิเอโร, ฟิลิปโป อินซากี, ดาเนียล ฟอนเซกา, ซีเนดีน ซีดาน

 

คาร์โล อันเชล็อตติ นายใหญ่ยูเวในเวลานั้นพยายามแก้ปัญหาด้วยการส่งอองรีลงสนามในบทบาทวิงแบ็กด้วยการหวังพึ่งความเร็วและเทคนิคในการทำเกมรุกของเขา ซึ่งปกติแล้วเป็นผู้เล่นที่เล่นตำแหน่งปีกซ้ายมาโดยตลอด แต่มันก็ไม่ได้ผลที่ดีนัก

 

จนกระทั่งเวนเกอร์กับอองรีมีโอกาสพบกันบนเที่ยวบินที่จะเดินทางไปปารีส

 

เวนเกอร์ซึ่งไปแอบชมเกมที่ยูเวนตุสพบกับอูดิเนเซ (ซึ่งอองรีโดนจับไปเล่นวิงแบ็ก) ก็เอ่ยปากทักทายก่อนจะบอกกับอดีตนักเตะเยาวชนของโมนาโก ทีมเก่าที่เขาเคยคุยและเคยเห็นกันมาตั้งแต่เด็กๆ ว่า “นายจะเล่นได้ดีที่สุดในบทศูนย์หน้า”

 

อองรีรู้สึกสนใจขึ้นมากับคำพูดนี้ เพราะเขาไม่เคยมองตัวเองในตำแหน่งศูนย์หน้ามาก่อน ก่อนที่เวนเกอร์จะขอโอกาสในการนัดพบกันอีกครั้ง

 

ก่อนที่จะมีการขอซื้อตัวอองรีมาจากยูเวนตุสอย่างเป็นทางการในช่วงก่อนเปิดฤดูกาล 1999/00 โดยอาร์เซนอลจ่ายค่าตัวให้ 11 ล้านปอนด์ (ยูเวพอใจได้กำไร 5 แสนปอนด์) และเวนเกอร์ก็เปลี่ยนแปลง – ไม่สิ – ปลดปล่อยเขาให้กลายเป็นสุดยอดกองหน้าที่ไม่มีใครหยุดได้

 

ถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วอองรีจะตัดใจอำลาอาร์เซนอลไปหลังจบฤดูกาล 2005/06 ซึ่งเขามีส่วนช่วยในการพาทีมทะลุเข้าชิงชนะเลิศแชมเปียนส์ลีกได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของทีมกันเนอร์ส แต่คว้าถ้วย Big Ears กลับมาไม่สำเร็จ

 

แต่ภาพในใจของแฟนบอล โดยเฉพาะชาว Gooners พวกเขายังรักและเทิดทูน ‘ตีตี้’ คนนี้เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน

 

 

โดยสิ่งที่ดีที่สุดในเรื่องราวคือฉาก End Credit ตอนแถมที่อองรีได้โอกาสในการกลับมาสวมเสื้ออาร์เซนอลอีกครั้งในช่วงต้นปี 2012 ภายใต้สัญญายืมตัวระยะสั้นเพียงแค่ 2 เดือนเพื่อแก้ปัญหาแนวรุกที่บาดเจ็บของทีมในเวลานั้น

 

ในเกมแรกของการกลับมา อองรีได้โอกาสลงสนามเป็นตัวสำรองช่วงท้ายเกมเอฟเอคัพที่พบกับลีดส์ ยูไนเต็ด และลงมาก็สามารถทำประตูชัยให้ทีมได้เลย ก่อนจะระเบิดอารมณ์ทุกอย่างที่เก็บไว้เพราะไปจากทุกคนโดยไม่เคยได้ลา

 

แต่เท่านั้นไม่พอ ยังมีฉาก End Credit ที่ 2 ต่ออีกในเกมนัดสุดท้ายของอองรี ซึ่งกำลังจะหมดสัญญายืมตัวกับอาร์เซนอลและเตรียมกลับไปรับใช้นิวยอร์ก เรดบูลส์ ต้นสังกัดที่แท้จริง

 

เกมนั้นอองรีถูกเปลี่ยนตัวลงสนามมาเหมือนเคย และในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของเกม อองรีก็ทำประตูชัยให้อาร์เซนอลเฉือนเอาชนะซันเดอร์แลนด์ได้ 2-1 

 

เป็นประตูปิดท้ายตำนาน ‘ราชาแห่งไฮบิวรี’ ได้ราวกับเทพนิยาย

 

ไม่มีตอนจบของเรื่องราวไหนจะสุดยอดไปกว่านี้อีกแล้ว

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising