เงินเดือนถูกหัก 750 บาททุกเดือน ทำไมต้องจ่าย?
หนึ่งในสิ่งที่หลายคนสังเกตเห็นในสลิปเงินเดือนทุกเดือน คือยอดเงินที่ถูกหักเพื่อส่งเข้ากองทุนประกันสังคม ซึ่งเงินเดือนเราถูกหักไป 750 บาท หลายคนอาจเกิดคำถามว่า แล้วมันคุ้มค่าแค่ไหน? จะได้รับประโยชน์กลับคืนมาในรูปแบบใดบ้าง? แม้ว่าบางคนไม่เคยใช้สิทธิรักษาพยาบาล บางคนมีประกันกลุ่มจากบริษัท หรือบางคนมีประกันสุขภาพอยู่แล้ว อาจทำให้เกิดความรู้สึกว่าเงินที่จ่ายประกันสังคมไปนั้นเป็นเพียง ‘เบี้ยกินเปล่า’
จริงๆ แล้วประกันสังคมไม่ใช่แค่ภาระ แต่มันคือ โอกาสในการสร้างหลักประกันให้ตัวเอง ซึ่งเมื่อลองวิเคราะห์จากมุมมองของคณิตศาสตร์ประกันภัยจะพบว่า ระบบประกันสังคมนี้มีโครงสร้างที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างการออมและการกระจายความเสี่ยง โดยช่วยให้เรามีการคุ้มครองในกรณีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกรณีเจ็บป่วย ทุพพลภาพ เสียชีวิต ว่างงาน และอื่นๆ รวมไปถึงเงินบำนาญชราภาพที่ได้รับหลังอายุ 55 ปี ซึ่งเป็นรูปแบบของการออมเพื่ออนาคต
จ่าย 100 บาท แต่ได้รับสิทธิประโยชน์จากประกันสังคมรวม 255 บาท
รู้ไหมครับว่า ทุกๆ 100 บาทที่เราจ่ายเข้าประกันสังคม รัฐและนายจ้างช่วยเพิ่มให้อีก 155 บาท นั่นหมายความว่า
- เราจ่าย 750 บาท
- นายจ้างจ่ายให้อีก 750 บาท
- รัฐบาลช่วยเพิ่มอีก 412.5 บาท
เมื่อรวมแล้ว เงินที่เข้าสู่กองทุนประกันสังคมของเรารวมเป็นทั้งสิ้น 1,912.5 บาทต่อเดือนทันที
เงินที่เราจ่ายเข้าไป…ถูกกระจายไปในสิทธิประโยชน์หลายด้าน
เงินสมทบที่เราจ่ายเข้าประกันสังคมนั้นไม่ได้เป็นเพียงเงินจากเราเองเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเงินสมทบจากนายจ้างและรัฐบาลด้วย ซึ่งเงินทั้งหมดนี้ถูกนำไปรวมกันเป็นกองทุนประกันสังคม และจัดสรรเพื่อใช้ในสิทธิประโยชน์หลายด้าน โดยสามารถแบ่งได้ดังนี้
- 47% (900 บาท) เงินส่วนนี้ถูกเก็บไว้เป็นเงินบำนาญชราภาพ เราจะได้รับสิทธินี้เมื่ออายุ 55 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นหลักประกันรายได้ในช่วงวัยหลังเกษียณ
- 35% (675 บาท) เงินส่วนนี้ถูกใช้เป็นสิทธิประโยชน์ด้านการรักษาพยาบาล ซึ่งใช้ในกรณีเจ็บป่วยหรือประสบอันตราย กรณีทุพพลภาพ หรือกรณีคลอดบุตร รวมถึงกรณีเสียชีวิต โดยเราไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเองในบางกรณี
- 18% (337.5 บาท) เงินช่วยเหลืออื่นๆ เช่น เงินว่างงาน (187.5 บาท) และเงินเลี้ยงดูบุตร (150 บาท)
เบี้ยบำนาญที่จ่ายไปแล้ว…ได้อะไรกลับมาบ้าง?
ในกรณีที่เราส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมอย่างต่อเนื่องจนถึงอายุ 55 ปี และเริ่มขอรับเงินบำนาญตั้งแต่อายุ 55 ปีเป็นต้นไป หากเรารับเงินบำนาญนี้ต่อเนื่องไปอีกประมาณ 10 ปี หรือจนถึงอายุ 65 ปี จากการคำนวณแล้วเงินสมทบที่เราจ่ายสะสมไป (750 บาททุกเดือน) จะได้อัตราผลตอบแทนคืนเฉลี่ยต่อปีที่มากกว่า 10% ซึ่งถือเป็นอัตราผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูง เมื่อเปรียบเทียบกับการออมเงินในรูปแบบทั่วไป และหากมีอายุยืนยาว ก็จะได้รับเงินบำนาญในระยะเวลาที่ยาวนานขึ้น ส่งผลให้ผลตอบแทนรวมที่ได้รับมีมูลค่าสูงขึ้นตามไปด้วย
มุมมองใหม่ที่อาจช่วยให้เข้าใจประกันสังคมมากขึ้น
สำหรับหลายคน การจ่ายเงินสมทบเข้าประกันสังคมอาจถูกมองว่าเป็น ‘ภาระ’ เพราะต้องถูกหักเงินทุกเดือนโดยที่บางคนอาจไม่เคยใช้สิทธิเลย อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาในแง่มุมของการวางแผนระยะยาว เงินจำนวนนี้ไม่ได้หายเปล่าไป แต่ถูกเปลี่ยนเป็นหลักประกันที่ช่วยดูแลในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล เงินทดแทนในกรณีว่างงาน ทุพพลภาพ หรือเงินบำนาญหลังเกษียณ
ภาพ: d3sign / Getty Images