×

‘พรชีวัน’ ของหวานส่งท้ายดวงใจเทวพรหม

08.08.2024
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

5 MIN READ
  • พรชีวัน คือละครเรื่องสุดท้ายที่สร้างจากนิยายชุด ดวงใจเทวพรหม ซึ่งในตอนนี้ปมต่างๆ ของเรื่องถูกคลี่คลายไปจนหมดแล้ว จะเหลือก็เพียงความปรารถนาของทวดอ่อนที่ยังอยากเกี่ยวดองกับบ้านเทวพรหมอยู่ดี ขณะที่เหลือหลานชายสองหน่อคือ ม.ล.สรุจ และ ม.ล.รณภูมิ จุฑาเทพ ที่ยังไม่มีคู่รัก
  • ม.ล.สรุจ (เก้า-นพเก้า เดชาพัฒนคุณ) เจริญรอยตามพ่อคือ ม.ร.ว.ปวรรุจ จุฑาเทพ ด้วยการเป็นนักการทูต โดยได้ประจำการอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ บุคลิกภายนอกเป็นคนเงียบขรึม ดูเย่อหยิ่ง แต่จริงๆ แล้วเป็นคนอบอุ่น ซึ่งมีนิสัยคล้ายกับ พรชีวา (ครีมมี่-พลอยปภัส อิสระพงศ์พร) ที่ถูกเลี้ยงดูแบบคุณหนู พูดน้อย และเป็นลูกที่พ่อแม่ฝากความหวังไว้มากที่สุด ดูเหมือนทั้งคู่จะอยู่ขั้วเดียวกัน แต่ก็เหมือนกับแม่เหล็กคือไม่ดึงดูดกัน ผิดกับ ชีวัน (พีพี-ปุญญ์ปรีดี คุ้มพร้อม รอดสวาสดิ์) ที่มีบุคลิกร่าเริง แก่นแก้ว เปิดเผยกว่า ซึ่ง ม.ล.สรุจ ก็เอ็นดูชีวันมาตั้งแต่เด็กๆ เพียงแต่เธอไม่รู้ตัว
  • เมื่อความขัดแย้งน้อยมาก สิ่งที่ต้องมาทดแทนก็คือเรื่องราวชวนจิ้นชวนฟิน ก็ต้องยอมรับว่า พรชีวัน ทำออกมาได้ดี ทั้งการปรับบทให้ความต่างระหว่างวัยของตัวละครน้อยลง และปรับคาแรกเตอร์ให้สรุจไม่ได้เคร่งขรึมจนสัมผัสไม่ได้ แต่มีลูกล่อลูกชนจนคนดูเองก็หวั่นไหว สอดคล้องไปกับเคสที่ใช้นักแสดงรุ่นใหม่ ทำให้เรื่องราวไม่น่าเบื่อจนเกินไป ทั้งเก้าและพีพีก็มีเคมีบางอย่างที่ไปด้วยกันได้

 

ถ้าซีรีส์ฝั่งตะวันตกมี Bridgerton ฝั่งละครไทยก็คงเป็นซีรีส์คุณชายทั้ง สุภาพบุรุษจุฑาเทพ และ ดวงใจเทวพรหม ทั้ง 3 เรื่องมีสิ่งที่เหมือนกันคือความฟุ้งฝันโรแมนติกแบบไม่ต้องคิดอะไรมากและยังมีกลุ่มตลาดเหนียวแน่น เพียงแม้จังหวะการเล่าเรื่องและความเหนือชั้นอาจจะต่างกันไปบ้าง แต่สุดท้ายเรื่องรักสบายๆ ก็ยังขายได้อยู่ดี 

 

พรชีวัน คือละครเรื่องสุดท้ายที่สร้างจากนิยายชุด ดวงใจเทวพรหม ซึ่งในตอนนี้ปมต่างๆ ของเรื่องถูกคลี่คลายไปจนหมดแล้ว จะเหลือก็เพียงความปรารถนาของทวดอ่อนที่ยังอยากเกี่ยวดองกับบ้านเทวพรหมอยู่ดี ขณะที่เหลือหลานชายสองหน่อคือ ม.ล.สรุจ และ ม.ล.รณภูมิ จุฑาเทพ ที่ยังไม่มีคู่รัก

 

 

พรชีวัน คือเรื่องราวของ ชีวัน (พีพี-ปุญญ์ปรีดี คุ้มพร้อม รอดสวาสดิ์) ลูกสาวคนเล็กของ ม.ล.กระถิน เทวพรหม (น้ำหวาน-พิมรา เจริญภักดี) และ คล้าว วงศ์นคร (เอ็กซ์-ภัสสิษฐ์ สุวรรณศักดิ์) เจ้าของสวนยางทางภาคใต้ กระถินส่งชีวันขึ้นมาอยู่กับลูกพี่ลูกน้องคือ ม.ล.เกษรา (กิ๊ก-มยุริญ ผ่องผุดพันธ์) ในช่วงปิดเทอม ทำให้เธอสนิทกับ พรชีวา (ครีมมี่-พลอยปภัส อิสระพงศ์พร) ลูกสาวคนเล็กของเกษรา จนเหมือนฝาแฝด เมื่อพรชีวาได้ทุนไปเรียนต่อที่สวิตเซอร์แลนด์ ทวดอ่อน (ตุ๊ก-ดวงตา ตุงคะมณี) จึงส่งเสียให้ชีวันได้ไปเรียนต่อด้วยกัน พร้อมภารกิจสำคัญคือจับคู่พรชีวากับ ม.ล.สรุจ (เก้า-นพเก้า เดชาพัฒนคุณ)

 

ม.ล.สรุจ เจริญรอยตามพ่อคือ ม.ร.ว.ปวรรุจ จุฑาเทพ ด้วยการเป็นนักการทูต โดยได้ประจำการอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ บุคลิกภายนอกเป็นคนเงียบขรึม ดูเย่อหยิ่ง แต่จริงๆ แล้วเป็นคนอบอุ่น ซึ่งมีนิสัยคล้ายกับพรชีวาที่ถูกเลี้ยงดูแบบคุณหนู พูดน้อย และเป็นลูกที่พ่อแม่ฝากความหวังไว้มากที่สุด ดูเหมือนทั้งคู่จะอยู่ขั้วเดียวกัน แต่ก็เหมือนกับแม่เหล็กคือไม่ดึงดูดกัน ผิดกับชีวันที่มีบุคลิกร่าเริง แก่นแก้ว เปิดเผยกว่า ซึ่ง ม.ล.สรุจ ก็เอ็นดูชีวันมาตั้งแต่เด็กๆ เพียงแต่เธอไม่รู้ตัว 

 

 

ภารกิจจับคู่ดูตุปัดตุเป๋ เพราะสรุจกับพรชีวาไม่มีทีท่าที่จะรักกัน แต่กับชีวัน… ความรู้สึกดีๆ กลับเริ่มก่อตัวขึ้น จนกระทั่งเกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง ทำให้ทั้งพรชีวาและชีวันต้องกลับเมืองไทย พร้อมกับความลับของพรชีวาคือเธอตั้งท้องโดยไม่มีใครรู้ ส่วนสรุจก็มีเหตุให้ต้องย้ายกลับไทยด้วยเหมือนกัน

 

แม้จะกลับไทย แต่ภารกิจก็ยังไม่จบ ทวดอ่อนยังคงให้ชีวันจับคู่หลานชายกับทายาทเทวพรหมอยู่ดี ขณะที่ความรู้สึกดีๆ ระหว่างชีวันกับสรุจก็ดำเนินต่อไป ทั้งที่ฝ่ายหญิงไม่แน่ใจว่าความรู้สึกนี้เรียกว่าอะไรกันแน่ ส่วนกระถินเริ่มเห็นว่าลูกสนิทกับคุณชายผู้สูงศักดิ์มากไป และกลัวว่าชีวันจะปรับตัวเข้ากับสถานะใหม่ไม่ได้ จึงพยายามดึงสติทั้งลูกและฝ่ายชาย เท่านั้นยังไม่พอ ความเป็นหนุ่มเนื้อหอมของสรุจยังดึงดูดความสนใจของ คุณหญิงวีณา (ฮันนี่-ภัสสร บุณยเกียรติ) ให้จับคู่กับ วีนัส (พลอย-ชนิกานต์ โศภิษฐ์วิศิษฎ์) รวมทั้งคนรักเก่าของสรุจอย่าง มัสลิน (มายด์-ฐาณิดาภัทฐ์ ติณสุทธินานนท์) ก็กลับมาก่อกวนหัวใจ แล้วอุปสรรคความรักระหว่างชีวันและสรุจต้องผ่านอะไรอีกบ้าง ต้องไปติดตามในละคร พรชีวัน

 

 

อ่านจากเรื่องย่อก็คงพอจะเดาตอนจบได้ตามสไตล์ละครไทย แต่สิ่งสำคัญคือ จะเล่าเรื่องอย่างไรให้สนุกและถูกอกถูกใจคอละครของช่องที่ชอบเรื่องรักโรแมนติกแนวนี้อยู่แล้ว ซึ่งก็ต้องบอกว่า พรชีวัน เหมือนเป็นของหวานปิดท้ายสำหรับคนดู ด้วยเนื้อหาที่มีความขัดแย้งน้อยมากและภาพฝันในต่างประเทศ ซึ่งตามบทประพันธ์เนื้อหาจะต้องเกิดขึ้นที่อิตาลี แต่ด้วยงบประมาณอันจำกัด จึงปรับบทให้เรื่องเกิดขึ้นที่สวิตเซอร์แลนด์แทน และจาก 90% ของเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นในต่างประเทศก็กลับมาที่ประเทศไทยแทน ในส่วนนี้ก็นับถือใจช่อง 3 ที่กล้าลงทุนในวันที่สถานการณ์ละครไทยยังลุ่มๆ ดอนๆ


 

เมื่อความขัดแย้งน้อยมาก สิ่งที่ต้องมาทดแทนก็คือเรื่องราวชวนจิ้นชวนฟิน ก็ต้องยอมรับว่า พรชีวัน ทำออกมาได้ดี ทั้งการปรับบทให้ความต่างระหว่างวัยของตัวละครน้อยลง และปรับคาแรกเตอร์ให้สรุจไม่ได้เคร่งขรึมจนสัมผัสไม่ได้ แต่มีลูกล่อลูกชนจนคนดูเองก็หวั่นไหว สอดคล้องไปกับเคสที่ใช้นักแสดงรุ่นใหม่ ทำให้เรื่องราวไม่น่าเบื่อจนเกินไป ทั้งเก้าและพีพีก็มีเคมีบางอย่างที่ไปด้วยกันได้ แต่จะมีบางจุดที่ควรปรับปรุง 

 

 

สำหรับเก้าก็ออกจะเป็นงานยาก เพราะต้องแสดงเป็นผู้ใหญ่กว่าอายุจริง บางจังหวะดูพยายามและคุมอารมณ์ขึ้นลงให้สมูทไปกับคาแรกเตอร์ไม่ได้ ขณะที่พีพีก็น่ารัก สดใส แต่ในบางครั้งก็ดูเกินๆ ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นจากการแสดง แต่น่าจะเป็นเพราะบทที่ยัดเยียดคาแรกเตอร์ความตลกด้วยจังหวะแปลกๆ

 

ด้วยความที่เป็นละครแนวรอมคอม จึงต้องมีทั้งเรื่องรักและมุกตลก ในเรื่องความรักก็เป็นอย่างที่บอกไปแล้ว ส่วนมุกตลกก็เลยถูกจับเข้าไปใส่ในคาแรกเตอร์ของชีวัน ซึ่งจุดนี้ไม่ติดเลยและดูน่ารักดีด้วย แต่บางมุกก็เหมือนยัดสถานการณ์เข้าไปใส่ให้แสดงออกเกินๆ และ ‘ติดเล่น’ แบบไม่รู้ประสา จากความน่ารักเลยกลายเป็นความน่ารำคาญ ขณะเดียวกันฉากตลกอื่นๆ ของตัวละครประกอบก็ดูเหมือนจงใจสร้างสถานการณ์ เพื่อให้เกิดมุกบางอย่างที่ไม่ค่อยจะขับเคลื่อนบทไปข้างหน้าสักเท่าไร 

 

 

ความน่าเสียดายอีกอย่างคือคาแรกเตอร์ของกระถินที่หายไป ถ้ายังจำกันได้ในละคร คุณชายปวรรุจ ความใสซื่อเปิ่นโก๊ะของกระถินคือเสน่ห์อีกอย่างของเรื่องก็ว่าได้ แต่กระถินในเวอร์ชันผู้ใหญ่กลับไม่เหลือเค้าโครงเดิมเลย จริงอยู่ว่าด้วยวัยที่เพิ่มขึ้นและถูกขัดเกลามาแล้วก็อาจทำให้นิ่งขึ้น แต่ใน พรชีวัน เหมือนเป็นคนละคน ในเมื่อมีการปรับบทและใส่สถานการณ์ขำๆ แบบจงใจได้ การพัฒนาคาแรกเตอร์กระถินให้สนุกขึ้นยังดูจะกลมกล่อมไปกับเนื้อเรื่องมากกว่า 

 

การปรับบทให้เนื้อเรื่องส่วนใหญ่อยู่ที่เมืองไทย ทำให้ได้เห็นบริบทแบบไทยๆ ในเรื่องมากขึ้น อย่างเช่น เรื่องชนชั้น ที่ดูเข้มข้นจนออกจะหลงยุคว่านี่คือเรื่องที่เกิดในยุค 90 หรือย้อนไปไกลกว่านั้น เอาเข้าจริงแทบทุกตอนของ ดวงใจเทวพรหม ก็ยังคงดำเนินตามรอย สุภาพบุรุษจุฑาเทพ จนเอาเส้นเรื่องไปทาบเส้นเวลาแทนกันได้ แต่ในแง่การหยิบประเด็นยุคสมัยเข้ามาผสานไปกับเนื้อหา สุภาพบุรุษจุฑาเทพ ทำออกมาได้ดีกว่า ทั้งเรื่องจอมพลกับนางงาม, ราชนิกุลลาฐานันดรศักดิ์ไปเป็นเกษตรกร หรือการแบ่งแยกดินแดนของประเทศเพื่อนบ้าน ขณะที่ ดวงใจเทวพรหม สถานการณ์ใหญ่ๆ อย่างพฤษภาทมิฬและวิกฤตต้มยำกุ้ง มีอิทธิพลกับเส้นเรื่องน้อยกว่ามาก

 

เคยเป็นกันไหม ที่ดูละครสักเรื่องที่มีหลายจุดที่ขัดใจ แต่เราก็ดูต่อไปเรื่อยๆ พรชีวัน ก็อยู่ในประเภทนั้น อาจจะด้วยบรรยากาศสบายๆ คลายสมอง จนแทบไม่ต้องคิดอะไร แล้วก็จบไปแบบที่เราแทบจดจำอะไรไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ เลย

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X