จากความสำเร็จของซีรีส์ซูเปอร์ฮีโร่เรื่อง Moving ทาง Disney+ Hotstar เมื่อปีกลาย ทำให้ Light Shop ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ เพราะเป็นผลงานของ คังฟูล เหมือนกัน โดยเขายังทำหน้าที่เขียนบทที่ดัดแปลงมาจากเว็บตูนของตัวเองเช่นเคย และเป็นอีกครั้งที่เขาหลอกล่อคนดูด้วยหน้าซีรีส์สไตล์แมส แต่เนื้อในกลับซ่อนความหมายบางอย่างเอาไว้ได้อย่างน่าสนใจ
หากเคยติดใจกับซีรีส์ซูเปอร์ฮีโร่ แต่เนื้อในคือการเข้าไปสำรวจชีวิตของคนเหนือมนุษย์ใน Moving ซีรีส์ Light Shop ก็หลอกให้เราสนใจด้วยเรื่องราวของภูตผี มีบรรยากาศสยองขวัญแบบจัดเต็มในพาร์ตแรก ก่อนจะพาคนดูเข้าสู่ความซาบซึ้งกินใจในพาร์ตหลัง จนทำให้ย้อนคิดได้ว่า ‘ผี’ ที่เรากลัวๆ กันอาจจะไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
Light Shop เริ่มต้นด้วยฉากชายคนหนึ่งเดินลงจากรถบัส เขาชื่อ ฮยอนมิน (ออมแทกู) เป็นเวลา 3 วันแล้วที่เขาได้พบกับ จียอง (ซอลฮยอน) สาวปริศนามานั่งรออยู่ที่ท่ารถพร้อมกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ เขาชวนเธอกลับไปที่บ้านในตรอกมืดๆ แห่งหนึ่ง ก่อนจะพบว่าในกระเป๋าใบนั้นมีอุปกรณ์ผ่าตัดชวนสยองเต็มไปหมด ตัดมาอีกฉากเป็นภาพของ ฮยอนจู (ชินอึนซู) นักเรียนมัธยมปลาย เธอรีบวิ่งเข้าไปในตรอก เพราะได้ยินเสียงฝีเท้าใครสักคนเดินตามเธอมา และซ่อนตัวอยู่ที่ร้านโคมไฟที่ที่แม่ของเธอสั่งให้ไปซื้อหลอดไฟทุกคืน
ส่วนอีกฉากเป็นเรื่องของนักเขียน ซอนแฮ (คิมมินฮา) เธอกำลังย้ายเข้าไปในบ้านที่มีห้องลับ ด้านในมีไฟที่กะพริบเปิดและปิดเป็นเวลา และในบ้านหลังนี้ยังมีเงาสูงใหญ่ดูน่ากลัวคอยติดตามเธอ ในช่วงเวลาเดียวกัน นักสืบ ซองซิก (แบซองอู) กำลังตามล่าผู้ต้องสงสัยในตรอกเดียวกันอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย นอกจากนี้ยังมีพยาบาล ยองจี (พัคโบยอง) พยาบาลประจำห้อง ICU ที่มีความสามารถพิเศษคือมองเห็นสิ่งเหนือธรรมชาติ
แทบทุกตัวละครที่เล่ามาล้วนมีความผูกพันกับร้านโคมไฟซึ่งดูแลโดย วอนยอง (จูจีฮุน) ที่จะเป็นพื้นที่ปลอดภัยเพียงแห่งเดียวในตรอกอันมืดมิดแห่งนี้ ว่าแต่ที่นี่จะเป็นเพียงแค่ร้านโคมไฟธรรมดาจริงหรือ และผู้คนเหล่านี้กำลังจะทำอะไรกันแน่
Light Shop เปิดตัวด้วยความสับสนงงงวยของตัวละครมากมาย และความสยองขวัญในบรรยากาศชวนขนลุก ทั้งพื้นผิวอันชื้นแฉะที่ป้ายรถเมล์ ในซอยเปลี่ยว และบ้านเรือนดูลึกลับ เหมือนจะกำกับอารมณ์คนดูว่าต่อจากนี้จะเต็มไปด้วยเรื่องลี้ลับจากเหล่าตัวละครพฤติกรรมชวนสงสัย จนกระทั่งเวลาผ่านไปสักระยะ ก็พอจะเข้าใจว่ากว่าครึ่งในจำนวนนั้นอาจจะไม่ใช่คนธรรมดา และคาดเดาว่าอะไรคือจุดเชื่อมโยงให้พวกเขามารวมตัวกัน
ตอนแรกก็แอบผิดหวังเล็กๆ ว่าผลงานของคังฟูลมาแค่นี้จริงๆ หรือ เมื่อบวกกับช่วงแรกที่โปรโมตว่าเนื้อหาจะออกมาค่อนข้างอบอุ่นหัวใจยิ่งชวนงงเข้าไปใหญ่ อย่างไรก็ตาม หากมองแค่การกำกับอารมณ์คนดู ก็เรียกได้ว่าใช้ประโยชน์จากความสยองขวัญอย่างเต็มที่ และมีหลายฉากชวนลุ้นเหมือนดูซีรีส์ตื่นเต้นๆ ดีๆ สักเรื่อง
จนกระทั่งทุกอย่างมาเฉลยในตอนท้ายของตอนที่ 4 ว่านี่คือการเข้าไปสำรวจห้วงคำนึงของผู้คนในภาวะก่อนตายว่าพวกเขากำลังคิดอะไร หรือมีอะไรอยู่เหนือธรรมชาติที่ยังผูกพันถึงขั้นเหนี่ยวรั้งจิตวิญญาณพวกเขาอยู่ ก็ต้องยอมรับในความกล้าเสี่ยงที่จะทำให้หลายคนถอดใจไปง่ายๆ ก่อนจะเข้าสู่ประเด็นหลัก
“ผู้คนที่มีประสบการณ์เฉียดตายต่างเล่าหลายอย่างตรงกัน พวกเขายืนกรานว่าเห็นแสงสว่างจ้า พวกเขายืนกรานว่าเห็นอุโมงค์สีดำ…พวกเขายืนกรานว่าได้เจอคนที่รักอีกครั้ง”
ในพาร์ตหลังคือการเข้าไปสำรวจชีวิตของเหยื่อจากอุบัติเหตุครั้งใหญ่ที่ทำให้หลายคนอยู่ในภาวะเฉียดตาย ถ้าเทียบกับของไทยก็คล้ายกับบทประพันธ์เรื่อง หลายชีวิต เพียงแต่ Light Shop ไม่ได้เล่าแค่พาร์ตดราม่า แต่พูดถึงภาวะกึ่งจริงกึ่งฝัน และเบื้องหลังความน่าสะพรึงกลัวของ ‘ผี’ อาจจะเกิดขึ้นเพียงเพราะผูกพันหรืออยากบอกลาใครสักคน
จียองคือตัวละครที่น่ากลัวที่สุดในพาร์ตแรก และกลายเป็นตัวละครที่น่าสงสารที่สุดในพาร์ตหลัง เมื่อได้รู้เหตุผลที่เธอลากกระเป๋าและพกเครื่องมือผ่าตัดติดตัวตลอดเวลา ก็เพียงเพราะต้องการประกอบร่างคนรักขึ้นมาใหม่ ยังไม่นับรวมความอาภัพเมื่อครั้งที่ยังมีชีวิตอยู่อีกต่างหาก
ขณะที่ร่างกายสูงใหญ่ที่ติดตามซอนแฮก็คือวิญญาณของคนรักต่างวัยที่ประสบอุบัติเหตุร่วมกัน ที่น่าเศร้ากว่านั้นคือทั้งคู่จากลาด้วยความไม่เข้าใจ ทำให้วิญญาณของซอนแฮยังวนเวียนอยู่ในบ้านเช่า ขณะที่คนรักก็คอยวนเวียนอยู่รอบตัวเธอไม่ไปไหน
ส่วนฮยอนจูก็ยังวนเวียนซื้อหลอดไฟแล้วกลับบ้านไปหาแม่อยู่ซ้ำๆ จนเริ่มเข้าใจสถานการณ์ เช่นเดียวกับนักสืบซองซิกที่เริ่มเข้าใจว่าเขาติดอยู่ในห้วงคำนึงและความเจ็บปวดจากอดีต การเยียวยาตัวเองขณะมีชีวิตผ่านการทำงานหนักจนติดตัวมาในโลกแห่งความตาย โดยในอีพีที่ 5-6 คือการขยี้ประเด็นดราม่าและค่อยๆ คลี่คลายปมต่างๆ ขณะเดียวกันอารมณ์สยองขวัญก็ยังอยู่ พร้อมๆ กับความซาบซึ้งกินใจที่เพิ่มเข้ามา
ความน่าสนใจอีกอย่างของ Light Shop คือการใส่สัญลักษณ์ซ่อนไว้ในเรื่องมากมาย อย่างเช่น เลข 8 ที่คนดูมักจะได้เห็นในฉากต่างๆ สื่อถึงเครื่องหมายอินฟินิตี ที่เหล่าวิญญาณเวียนว่ายทำอะไรแบบเดิมๆ ไม่จบไม่สิ้น ส่วนตรอกมืดๆ ก็เป็นเหมือนอุโมงค์แห่งความตายที่คนมีประสบการณ์เฉียดตายมักจะได้เห็น และร้านโคมไฟก็เป็นเหมือนจุดรวมแสงสุดท้ายของชีวิต
เรียกได้ว่า Light Shop เป็นมากกว่าซีรีส์สยองขวัญทั่วไป แต่ให้รสชาติใหม่ระหว่างความน่ากลัวและความซาบซึ้งที่ดูเหมือนจะไม่เข้ากัน แต่กลับกลมกล่อม ซึ่งอาจจะเป็นแค่ไม่กี่ครั้งที่ดูซีรีส์ผีแล้วแอบมีน้ำตา