ไม่ผิดนักครับหากจะบอกว่าข่าวการย้ายทีมของ โรเมลู ลูกากู กองหน้าระดับท็อปของพรีเมียร์ลีก ที่เตรียมย้ายจากเอฟเวอร์ตันเพื่อร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัวมหาศาลกว่า 75 ล้านปอนด์ สร้างความตื่นตะลึงไปทั่ว
ตะลึงเพราะมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วโดยแทบไม่มีสัญญาณใดๆ ก่อนหน้านี้
เพราะตลอดทั้งสัปดาห์หรือมากกว่านั้น ทีม ‘ปีศาจแดง’ ตกเป็นข่าวกับ อัลบาโร โมราต้า สตาร์กองหน้าทีมชาติสเปนของเรอัล มาดริด ที่ตามกระแสข่าวแล้วดูเหมือนทั้งสองฝ่ายต่างใกล้ที่จะหาข้อสรุปที่ลงตัวกันได้แล้ว
แต่จู่ๆ ก็มีข่าวลูกากูปรากฏขึ้น
ท่ามกลางความยินดีแบบงงๆ ของเหล่าสาวกเรด อาร์มี คำถามย่อมเกิดขึ้นว่าดีลนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร และมีการเจรจาเกิดขึ้นกันตอนไหน?
ตอนนี้เราพอทราบแล้วครับว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาจากการผลักดันของชายคนเดียว แต่เป็นคนเดียวที่ทรงพลังมากที่สุดคนหนึ่งในโลกแห่งเกมฟุตบอล
ชายคนนั้นชื่อ มิโน ไรโอลา (Mino Raiola)
คนที่ว่ากันว่าอาจจะกลายเป็นเอเยนต์ลูกหนังเบอร์หนึ่งไปแล้ว ณ เข็มนาฬิกาเดินไปนี้
สุดยอดนักเจรจาผู้ไม่เคยกลัวใคร
ผมเองเชื่อว่าคอกีฬาโดยเฉพาะคนที่ชื่นชอบฟุตบอลต่างประเทศน่าจะพอรู้จักกับชื่อของไรโอลากันอยู่บ้างครับ
ไม่ว่าจะในฐานะ ‘ซูเปอร์เอเยนต์’ หรืออาจจะเป็น ‘เอเยนต์หน้าเลือดตัวแสบ’ ก็ตาม โดยเฉพาะเมื่อปีกลายมีข่าวว่าเขาได้รับเงินส่วนแบ่งจากการย้ายทีมของ ปอล ป็อกบา นักฟุตบอลค่าตัวแพงที่สุดในโลกเป็นจำนวนเงินถึง 41 ล้านปอนด์
แต่อาจไม่ใช่ทุกคนที่รู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน
มิโน ไรโอลา เป็นชาวดัตช์ หรือชาวเนเธอร์แลนด์ แต่เกิดที่อิตาลี และปัจจุบันพำนักอาศัยอยู่ที่โมนาโก (อยากพูดจังเลยว่า งงเด้!)
ในวัยเยาว์เขาเล่นฟุตบอลให้กับทีมเอชเอฟซี ฮาร์เล็ม ในเนเธอร์แลนด์ แต่เริ่มเบนความสนใจจากการเล่นฟุตบอลในสนามมาสู่การหาเงินรายได้นอกสนาม และเริ่มที่จะบริหารทีมฟุตบอลของเขาเองตั้งแต่อายุ 18 ปี ถึงวัยที่หลายๆ คนอาจจะเพิ่งเข้ามหาวิทยาลัย เริ่มจีบสาวคนแรก หรือยังเล่นเกมคอมพิวเตอร์กันทั้งวันทั้งคืนด้วยซ้ำ
จากนั้นในวัย 25 ปี ไรโอลาเริ่มทำงานกับบริษัทนายหน้าที่ชื่อว่า Sports Promotion และผลงานชิ้นโบว์แดงคือการทำให้เกิดดีลการย้ายทีมของอดีตนักฟุตบอลดัตช์ชื่อดัง 2 คน
หนึ่งคือ ไบรอัน รอย อดีตปีกจอมเลื้อยที่ย้ายจาก ไอแอกซ์ อัมสเตอร์ดัม มาอยู่กับทีมฟอจจา ในเซเรีย อา อิตาลี และอีกหนึ่งคือ เดนนิส เบิร์กแคมป์ ที่ย้ายจากไอแอกซ์ อัมสเตอร์ดัม ไปอยู่กับอินเตอร์ มิลาน เมื่อปี 1996
หลังจากนั้นไรโอลาก็ฝังตัวอยู่ในวงการฟุตบอลมาโดยตลอดครับ ค่อยๆ สั่งสมชื่อเสียงและบารมี เช่นเดียวกับการมองหานักฟุตบอลที่มีศักยภาพที่จะก้าวสู่การเป็นซูเปอร์สตาร์ได้ในอนาคต
ปอล ป็อกบา เป็นหนึ่งในผลงาน ‘มาสเตอร์พีซ’ ของเขา
ไรโอลาพบป็อกบาในขณะที่เวลานั้นสตาร์ชาวฝรั่งเศสยังเป็นนักเตะเยาวชนในทีมสำรองของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่เลย แต่เขามองเห็นอะไรบางอย่างในตัวของเด็กคนนี้และจับเซ็นสัญญาในฐานะ ‘ลูกค้า’ (client) และช่วยดูแลทุกอย่าง รวมถึงการช่วยตัดสินใจบนเส้นทางเดินของชีวิต
ในขณะนั้นป็อกบาเริ่มฉายแววบ้างและทางแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน (Sir Alex Ferguson) ก็ต้องการจะต่อสัญญาฉบับใหม่ให้แทนที่สัญญาเดิมที่จะหมดลงในปี 2012 แต่ไรโอลาประเมินแล้วว่า ป็อกบาควรจะได้ย้ายออกไปเก็บประสบการณ์ชีวิตที่อื่น
ว่าแล้วก็สั่งให้ไอ้หนูวัย 19 ปี ปฏิเสธสัญญาของแมนฯ ยูไนเต็ด และย้ายไปร่วมทีมยูเวนตุสแทน
นี่คือการตัดสินใจที่เด็ดขาดและเป็นการแสดงให้เห็นว่า ไรโอลาไม่เคยกลัวใครในวงการฟุตบอล พร้อมจะ ‘วัด’ แม้แต่คนที่ทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งอย่าง ‘เฟอร์กี้’
แน่นอนครับว่ามันทำให้เฟอร์กี้ฉุนขาดเคยถึงขั้นเรียกไรโอลาอย่างหยาบคายว่า T**t (ไปเดากันเอง) และบอกว่านี่คือหนึ่งใน 2 เอเยนต์ลูกหนังที่เขาเกลียดที่สุด
แต่สุดท้ายเฟอร์กี้เป็นหนึ่งในคนที่ ‘พยักหน้า’ อยู่เบื้องหลัง ให้ไรโอลานำตัวป็อกบา ซึ่งผ่านการพัฒนาตัวเองไปไกลแล้วกับยูเวนตุส จนเป็นหนึ่งในกองกลางที่ดีที่สุดในโลกได้ย้ายกลับมาที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด อีกครั้งเมื่อปีกลาย
เป็นการพิสูจน์ฝีมือและสายตาของสุดยอดเอเยนต์ผู้นี้ได้อย่างดีครับ
เทวากับซาตาน
อย่างที่บอกครับว่าเฟอร์กี้เกลียดไรโอลามาก และเชื่อว่าไม่ใช่แค่คนเดียวที่เกลียดเขา
น่าจะมีผู้จัดการทีม โค้ช รวมถึงผู้อำนวยการสโมสรของทีมต่างๆ ที่ชิงชังกับเอเยนต์ลูกหนังที่ทรงอำนาจเช่นเขา
เพราะหากเขาพิจารณาข้อเสนอแล้วว่าไม่เวิร์ก ไม่คุ้มค่าสำหรับตัวนักเตะหรือตัวเขาเอง ทุกอย่างก็จบ อย่าว่าแต่ไม่มีการตกลงเลย การเจรจาอาจจะไม่เกิดขึ้นด้วยซ้ำ
ไม่แปลกหากจะมองว่าเขาคือ ‘ซาตาน’ ของวงการลูกหนัง
แต่สำหรับนักฟุตบอลที่เป็นลูกค้าของเขาแล้ว ไรโอลาไม่ต่างอะไรจาก ‘เทวดา’
เขาเป็นทั้งพี่ พ่อ เพื่อน ที่ปรึกษาทางการเงิน ที่ปรึกษาเรื่องชีวิต ที่ปรึกษาเรื่องความรัก และเป็น ‘ไลฟ์โค้ช’ ด้วย
หนึ่งในคนที่ยืนยันเรื่องนี้ได้คือ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช – อีกหนึ่งนักเตะในสังกัดของไรโอลา – ที่เคยเขียนถึงเอเยนต์รายนี้เอาไว้ในหนังสือชีวประวัติของตัวเอง
เรื่องนี้ต้องย้อนไปตั้งแต่สมัยอิบราฮิโมวิชยังเป็นดาวรุ่งในทีมไอแอกซ์ อัมสเตอร์ดัมโดยช่วงนั้นเขาต้องการหาเอเยนต์รายใหม่อยู่และได้สอบถามเพื่อนนักข่าวของเขาที่ชื่อ ทิจส์ สเลเจอร์ส (Thijs Slegers) เพื่อขอคำแนะนำ
สเลเจอร์สแนะนำอิบราฮิโมวิชอยู่ 2 ตัวเลือกครับ รายแรกคือบริษัทที่ดูแลเดวิด เบ็กแฮม ซึ่งสตาร์ชาวสวีดิชไม่ค่อยชอบนัก เพราะกลัวจะต้องกลายเป็นนักฟุตบอลในสไตล์แบบเบ็กแฮม
อีกรายคือเอเยนต์ที่สเลเจอร์สรู้จักดี แต่พยายามเตือนว่าเอเยนต์รายนี้มีภาพลักษณ์เหมือน ‘มาเฟีย’
ปรากฏว่าอิบราฮิโมวิชถูกใจขึ้นมา และนั่นนำไปสู่การพบกันของทั้งสอง โดยในการพบกันครั้งแรกในร้านซูชิในโรงแรมหรู Okura ในกรุงอัมสเตอร์ดัม โดยอิบราฮิโมวิชมาในชุด Gucci และขับรถ Porshe กลับต้องอุทานในใจว่า ‘ไอ้นี่มันคือใครวะ’ หลังได้เจอกับไรโอลาที่มาในลุคโกโรโกโส ใส่เสื้อยืด Nike ตัวฟิต ปิดพุงไม่มิด และกางเกงยีนส์เก่าๆ
แต่กลับกลายเป็นว่าคนอย่างอิบราฮิโมวิช (ในวัยที่ฮอร์โมนพลุ่งพล่าน) กลับถูกชะตากับเอเยนต์รายนี้ เพราะเป็นคนที่ ‘ใจใหญ่’ และกล้าที่จะพูดอะไรตรงๆ แม้กระทั่งบอกให้อิบราฮิโมวิชขายเครื่องประดับและรถหรูของเขาทิ้งแล้วหันกลับมาทุ่มเทให้กับการเล่น
เพราะการตั้งใจเล่นฟุตบอลจะทำให้อิบราฮิโมวิชได้อะไรกลับมามากกว่าที่เขาปล่อยไปในเวลานี้อีก ซึ่งมันเป็นความจริงทั้งนั้น
หลังจากนั้นทั้งสองไม่เคยแยกจากกันอีกเลย
สเลเจอร์ส หนึ่งในคนคุ้นเคยของไรโอลาเคยกล่าวถึงเพื่อนคนนี้ว่า “เขาเป็นคนที่ภักดีต่อคนใกล้ตัวมาก และนั่นหมายถึงเหล่านักฟุตบอลของเขาด้วย สำหรับนักฟุตบอลเหล่านี้ ไรโอลาเหมือนครอบครัวของเขา”
และนั่นเป็นเหตุผลที่สเลเจอร์สยกย่องว่าไรโอลาเป็นนักเจรจาที่สมบูรณ์แบบ เพราะสิ่งที่เขากำลังต่อรองให้นั้นไม่ใช่เพื่อใคร แต่เป็นการทำเพื่อ ‘ครอบครัว’ ของเขาเอง
ไรโอลาเคยให้สัมภาษณ์ต่อ Financial Times เกี่ยวกับป็อกบาว่า “ผมไม่เคยมองเขาเป็นลูกค้าเลย จริงๆ แล้วผมอยากจะบอกว่าเขาคือครอบครัวของผมมากกว่า”
เจอร์รี แม็กไกวร์ แห่งวงการฟุตบอล
บางคนยกย่องว่าเขาคือ เจอร์รี แม็กไกวร์ (Jerry MaGuire, 1996 – ภาพยนตร์ชีวิตของเอเยนต์กีฬาที่ตกอับ และหาทางพลิกฟื้นอาชีพของตัวเองอีกครั้ง นำแสดงโดย ทอม ครูซ) แห่งโลกลูกหนัง ซึ่งก็ไม่ผิดอะไรครับ เพราะบริษัทของเขามีชื่อว่า Maguire Tax & Legal ซึ่งเป็นการตั้งตามชื่อของเจอร์รี แม็กไกวร์ ‘Show Me the Money’ นั่นเอง
เพียงแต่ไรโอลามีนักฟุตบอลในสังกัดปัจจุบันอยู่ 51 คน ไม่เหมือนแม็กไกวร์ ในหนังที่ดูแล ร็อด ทิดเวลล์ แค่คนเดียว
อย่างไรก็ดีในชีวิตจริงเขาก็ผ่านการต่อสู้มาไม่น้อยและหากจะนำไปทำบทภาพยนตร์ก็อาจจะสนุกไม่แพ้ Jerry MaGuire
อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า ไรโอลาเริ่มต้นชีวิตการทำงานในวงการฟุตบอลค่อนข้างเร็วตั้งแต่อายุ 18 ปี แต่นั่นเป็นแค่ด้านเดียว เพราะความจริงแล้วเขาผ่านการทำงานอะไรมามากมายตั้งแต่เด็ก
ไรโอลาช่วยดูแลกิจการร้านพิซซ่าของที่บ้านมาตั้งแต่เด็ก ต้องทำทุกอย่างไม่ว่าจะปัดกวาด เช็ดถู ล้างจาน หรือแม้แต่เสิร์ฟอาหาร รวมถึงการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่น
“ผมเป็นลูกคนโต ภาษาดัตช์ของผมดีกว่าของพ่อ ดังนั้นผมจึงเป็นที่ปรึกษาของเขาด้วย เป็นคนจัดซื้อ เป็นผู้จัดการให้แก่พ่อ ดังนั้นเรื่องของการเจรจาและการบริหารจัดการจึงเป็นสิ่งที่ผมถนัด เรื่องพวกนี้ผมทำได้หมด ผมเรียนรู้จากการทำงานในร้านของครอบครัวมาหมดแล้ว”
นอกจากนี้เขายังศึกษาด้านกฎหมายไปพร้อมกัน และยังหัดเรียนรู้ภาษาต่างๆซึ่งไม่ใช่แค่ 2 หรือ 3 ภาษา แต่เอเยนต์รายนี้พูดได้ถึง 7 ภาษาครับ! ตั้งแต่ อิตาเลียน, ดัตช์, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, สเปน และโปรตุเกส
พวกนี้คือ ‘ต้นทุนชีวิต’ ที่ทำให้เขาได้เปรียบมากกว่าคนอื่น
ถึงตรงนี้ผมคิดว่าเราน่าจะพอมองเห็นภาพตัวตนของคนที่ชื่อ มิโน ไรโอลา ชัดเจนยิ่งขึ้นครับว่า คนที่ถูกขนานนามว่าเป็น ‘ซูเปอร์เอเยนต์’ คนนี้เป็นคนอย่างไร และเขาผ่านอะไรมาบ้างกว่าจะมาถึงจุดนี้
แน่นอนครับว่าด้วยบทบาทและหน้าที่ ไรโอลาย่อมจะเป็นคนที่ได้รับทั้งดอกไม้และก้อนอิฐ เหมือนที่ผ่านมาและคงเป็นแบบนี้ตลอดไป
แต่มันไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องใส่ใจ
เขารู้ดีว่าเขาต้องการอะไร และต้องทำอะไร เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายและวันนี้ก็ทำได้ดังที่ปรารถนาแล้วครับ
- ไรโอลามีนักฟุตบอลที่ดูแลมากถึง 51 คนที่มีมูลค่าสัญญารวมกันทั้งหมด 356.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ตามตัวเลขจาก Forbes)
- นอกเหนือจาก โรเมลู ลูกากู ปอล ป็อกบา และซลาตัน อิบราฮิโมวิช เขายังดูแล มาริโอ บาโลเตลลี, เฮนริค มคิทาร์ยาน, แบลส มาตุยดี, เซร์คิโอ โรเมโร, จัสติน ไคลเวิร์ต และที่กำลังถูกจับตามองมากคือ จานลุยจิ ดอนนารุมมา สุดยอดนายทวารดาวรุ่งชาวอิตาลีของเอซี มิลาน
- คนที่เป็น ‘ครู’ ให้ไรโอลาคือ ร็อบ แยนเซน ปรมาจารย์เอเยนต์ลูกหนังชาวดัตช์ ที่ให้โอกาสทำงานในบริษัท Sports Promotion ก่อนที่สุดท้ายไรโอลาจะแยกตัวออกมาทำธุรกิจเอง และเวลานี้ก็เป็นคู่แข่งตัวฉกาจกันในวงการ (แน่นอนว่าเขาไม่แคร์ครับ)
- งานต่อไปของไรโอลาคือการเจรจาหาทีมใหม่ให้ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช และคาดว่าทีมใหม่คือ แอลเอ กาแล็กซี กับดีลที่จะสะเทือนวงการฟุตบอลอเมริกาไม่น้อยกว่าดีล เดวิด เบ็กแฮม และสตีเวน เจอร์ราร์ด