×

กลยุทธ์การลงทุนในสงคราม Chip War

24.09.2023
  • LOADING...

หลายท่านคงติดตามเรื่องการแข่งขันระหว่างสหรัฐฯ กับจีนใน Chip War หรือสงครามการแย่งชิงเป็นที่หนึ่งในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ กันมาบ้าง

 

สำหรับนักลงทุนอย่างเรา คำถามสำคัญอาจไม่ใช่แค่เทคโนโลยีไหนหรือประเทศใดจะชนะ แต่เราควรลงทุนหรือไม่อย่างไร เป็นสิ่งที่น่าคิดและหาคำตอบไปพร้อมกัน

 

สำหรับผม ประเด็นที่ทำให้ Chip War มีความสำคัญกับการลงทุนช่วงนี้มากอยู่ที่ขีดความสามารถในการพัฒนาเทคโนโลยี ต้องมีการสนับสนุนจากภาครัฐ และเป็นช่วงนี้เองที่ภาครัฐเล็งเห็นถึงความสำคัญมากที่สุด

 

อุตสาหกรรมชิปไม่ใช่อุตสาหกรรมใหม่ การผลิตชิปเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 1958 ขณะที่ขีดความสามารถด้านการพัฒนาอย่าง Moore’s Law ที่คาดการณ์ว่า “ปริมาณของชิปบนแผงวงจรจะเพิ่มเป็นเท่าตัวทุก 2 ปี” ก็ถูกค้นพบตั้งแต่ปี 1965

 

แต่ปัญหาที่ทำให้ธุรกิจนี้ไม่โดดเด่นเป็นเพราะธุรกิจต้องใช้เงินลงทุนตั้งต้นสูงมาก แต่ผลผลิตไม่แน่นอน และเป้าหมายทางธุรกิจก็ไม่ชัดเจน

 

ในอดีตมักเริ่มการพัฒนาโดยภาครัฐ บนเทคโนโลยีอวกาศหรือทางการทหาร จนมาถึงในช่วงต้นของทศวรรษ 2000 ที่รัฐฝั่งเอเชียอยากมีเทคโนโลยีเป็นของตัวเองบ้าง จึงมีการสนับสนุนจนเกิดเป็นบริษัทผลิตชิปใหญ่อย่าง Samsung, TSMC และ SMIC

 

การแข่งขันร้อนแรงอีกครั้งในปัจจุบัน เมื่อสหรัฐฯ มองว่าอุตสาหกรรมชิปเป็นอุตสาหกรรมเกี่ยวกับความมั่นคง จึงต้องมีการสนับสนุนการแข่งกันผ่าน CHIPS and Science Act ในปี 2022

 

เมื่อทั้งสองประเทศมหาอำนาจให้ความสำคัญและทุ่มไม่อั้น ก็มีโอกาสสูงที่ Chip War จะเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่กระทบกับการลงทุนในอนาคต

 

เรื่องต่อมาที่เราต้องรู้คือ กิจกรรมทางธุรกิจที่สำคัญของอุตสาหกรรมนี้จะแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ การออกแบบ การประดิษฐ์ และการประกอบ

 

ทั้งสามอย่างนี้มีความสำคัญที่แตกต่างกัน แต่จะขาดกันไม่ได้

 

บริษัทในฝั่งสหรัฐฯ และยุโรปเป็นกลุ่มที่มีความสามารถในการออกแบบ (Design) ชิปได้ดีที่สุดในปัจจุบัน งานวิจัยของ Semiconductor Industry Association ชี้ว่า การออกแบบมีส่วนราว 1 ใน 3 ในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรม

 

หลังจากออกแบบแล้วก็ถึงขั้นตอนการประดิษฐ์ (Manufacturing) ประเทศที่ทำได้ดีที่สุดตอนนี้คือไต้หวัน การประดิษฐ์เป็นกิจกรรมที่มีมูลค่ากว่าครึ่งของมูลค่ารวมธุรกิจชิปทั้งโลก

 

แต่แม้จะออกแบบและประดิษฐ์แล้ว ก็ต้องประกอบและทดสอบ (Assembly and Testing) ปัจจุบันผู้นำในกิจกรรมนี้คือจีน

 

จะเห็นว่าทุกประเทศจะมีจุดแข็ง-จุดอ่อนที่มีมูลค่าแตกต่างกัน การประดิษฐ์และประกอบชิปทั้งหมดในสหรัฐฯ จะทำให้ต้นทุนปรับตัวสูงขึ้นมาก แต่ถ้าไม่มีการออกแบบที่เหมาะสม อุตสาหกรรมชิปในฝั่งของเอเชียก็จะพัฒนาช้าหรือไม่พัฒนาเช่นกัน

 

เมื่อเข้าใจความสำคัญและโครงสร้างแล้ว ก็มาคิดกันต่อว่า Chip War จะดำเนินไปทางไหน

 

ในระยะสั้น ประเด็นที่ต้องระวังคือการแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาด สหรัฐฯ เสียเปรียบ

 

เหตุผลไม่ใช่แค่เพราะต้นทุนการผลิตในฝั่งสหรัฐฯ มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นมากในกรณีที่ Chip War ทวีความรุนแรง แต่ในปัจจุบันข้อมูลของ TechInsights ระบุว่า ส่วนแบ่งการตลาดชิปของสหรัฐฯ สูงถึงกว่า 50% จึงเป็นไปได้มากว่าประเทศคู่แข่งจะฉวยโอกาสนี้แย่งส่วนแบ่งการตลาดได้

 

ในระยะกลาง สหรัฐฯ ยังได้เปรียบเนื่องจากคุมทั้งการออกแบบและซอฟต์แวร์

 

เพราะการพัฒนาในอุตสาหกรรมนี้ไม่ได้อยู่แค่ว่าใครผลิตได้มากกว่า แต่อยู่ที่ใครสามารถนำเอาศักยภาพของชิปออกมาได้มากที่สุด ในปัจจุบันฝั่งเอเชียยังต้องใช้เวลาพัฒนาจุดนี้อยู่ และถ้าสหรัฐฯ ไม่แชร์ทรัพยากรหรือความรู้ก็ไม่ง่ายที่ฝั่งเอเชียจะพัฒนาตามทัน

 

แต่สุดท้ายบทสรุปของ Chip War อยู่ที่ว่า อุตสาหกรรมนี้จะพัฒนาไปได้ไกลเกินจินตนาการอีกนานแค่ไหน

 

แม้เราจะเห็นอุตสาหกรรมนี้เติบโตอย่างก้าวกระโดดต่อเนื่องมากว่า 6 ทศวรรษ แต่ Moore’s Law ก็เป็นแค่เพียงการคาดการณ์ ไม่ได้เป็นกฎที่ตายตัว ขณะที่ในปัจจุบันการพัฒนาก็มาถึงจุดที่เทคโนโลยีมีขีดจำกัด เช่น ขนาดชิปที่อาจไม่สามารถเล็กไปกว่านี้ได้มาก หรือการสนับสนุนของภาครัฐที่อาจหยุดลงด้วยเหตุผลอื่น เช่น ในอดีตสหภาพโซเวียตก็เคยพยายามพัฒนาอุตสาหกรรมนี้แข่งกับสหรัฐฯ แต่ก็ต้องล้มเลิกไปเนื่องจากมีปัญหาด้านเศรษฐกิจ Chip War จึงถือว่าเป็นหนึ่งในสมรภูมิที่ต้องติดตามต่ออย่างใกล้ชิด

 

สำหรับนักลงทุนผมมองว่ามี 3 ETF ที่มีความโดดเด่นในมุมที่ต่างกัน 

 

SMH US หรือ VanEck Semiconductor ETF เป็นการลงทุนที่เราจะได้บริษัทชิปทั่วโลก นำโดยสหรัฐอเมริกาและไต้หวัน อาจมีราคาสูงไปบ้าง แต่ก็จะได้บริษัทที่คุณภาพดีที่สุด

 

3191 HK หรือ Global X China Semiconductor ETF เป็น ETF ที่มีเฉพาะกลุ่มชิปจีน สำหรับนักลงทุนที่อยากลุ้นกับการพัฒนาคุณภาพของบริษัทจีนเพื่อให้ทัดเทียมกับบริษัทระดับโลก

 

และสุดท้ายคือ 3119 HK หรือ Global X Asia Semiconductor ETF ที่จะประกอบไปด้วยบริษัทชิปในเกาหลี ญี่ปุ่น ไปจนถึงไต้หวัน แม้จะไม่ได้อยู่ในสมรภูมิโดยตรง แต่ทั้งหมดนี้คือผู้เล่นรายใหญ่ในอุตสาหกรรมที่ธุรกิจแข็งแกร่ง และมูลค่าเหมาะสม

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising