×

Captivating the King ‘ทั้งรักทั้งเกลียด’ ยาขมของตัวละคร แต่เป็นของหวานสำหรับคนดู

09.02.2024
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

3 MIN READ
  • Captivating the King อุทิศ 3 ตอนแรกให้กับการปูพื้นฐานตัวละคร โดยโฟกัสไปที่องค์ชายอีอิน เน้นให้คนดูรักและสงสารชะตากรรมที่เขาต้องเผชิญ ด้วยคาแรกเตอร์ที่พร้อมจะเป็นผู้นำและเหนือกว่าองค์กษัตริย์ในทุกๆ ด้าน แต่ก็มีความจงรักภักดี 
  • ด้วยความที่ 3 ตอนแรกปูพื้นความผูกพันระหว่างสองตัวละครหลัก ทำให้ Captivating the King ดูแล้วไม่ต่างจากซีรีส์วาย ผิดก็ตรงที่การแสดงของชินเซคยองไม่อาจทำให้เราเชื่อได้ว่าเป็นผู้ชาย รวมถึงปฏิกิริยาที่มีต่อกันของทั้งสองคน ก็ต้องทำให้รู้สึก ‘อ๊ะ’ ในใจว่าไม่รู้จริงๆ เหรอว่านี่คือผู้หญิง
  • ความน่าตื่นเต้นจริงๆ ของเรื่องมาเริ่มต้นในอีพี 4 เมื่อโมเมนตัมของเรื่องเริ่มกลับมาที่ตัวคังฮีซูที่ต้องสูญเสียทั้งครอบครัวและเพื่อนไป ทั้งยังถูกทารุณกรรมต่างๆ นานา จากคนที่เคยรักก็กลายเป็นความเกลียดชัง จนต้องย้อนกลับมาชำระแค้นในอีก 3 ปีต่อมา

“ยามรักเราหวังต่อชีวิต ยามเกลียดเราหวังให้ตายจาก การหวังให้มีชีวิตและหวังให้ตายจาก การโลเลในสิ่งที่แย้งกันเช่นนี้ นั่นแหละคือความลุ่มหลง”

 

บทกลอนที่องค์ชายอีอิน (โจจองซอก) ชื่นชอบ คือบทสรุปความสัมพันธ์อันยุ่งเหยิงในซีรีส์ย้อนยุคเรื่อง Captivating the King ได้เป็นอย่างดี นี่คือผลงานการกำกับของโจนัมกุกจาก The Good Detective 2 และนักเขียนชเวซอนมีจาก The Crowned Clown บอกเล่าเรื่องราวเล่ห์เหลี่ยมทางการเมืองในราชวงศ์โชซอน พร้อมๆ กับโศกนาฏกรรมรักที่มีส่วนผสมของ ทัดดาวบุษยา และ จำเลยรัก มาร้อยเรียงเข้าด้วยกัน 

 

 

ในช่วงรอยต่อระหว่างราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิงของอาณาจักรจีน โชซอนถูกรุกรานอย่างหนักจนทำให้กษัตริย์อีซน (ชเวแทจุน) จึงต้องส่งพระอนุชาต่างมารดาคือองค์ชายอีอิน ไปเป็นตัวประกันให้กับราชวงศ์ชิง ผ่านไปหลายปีเมื่ออีอินกลับมา กษัตริย์อีซนกลับเต็มไปด้วยความหวาดระแวงจากการปลุกปั่นของราชินี (อันชิฮา) และคิมจงแบ (โจซึงฮา) เสนาบดีกระทรวงกลาโหม ที่หวังจะดันพระโอรสขึ้นเป็นองค์รัชทายาท 

 

ทั่วทั้งโชซอนมีแต่ข่าวลือการแย่งชิงบัลลังก์ขององค์ชายอีอิน แทบจะทุกคนเกลียดชังเขา มีเพียงคังมงอูเซียนพาดุก (หมากล้อม) หรือแท้จริงแล้วคือคังฮีซู (ชินเซคยอง) ลูกสาวของพระอาจารย์องค์ชายอีอิน ที่ยังคงชื่นชมเขาอยู่ เมื่อทั้งคู่ได้พบกันก็สานความสัมพันธ์ฉันมิตรผ่านกระดานเกมพาดุก พร้อมกับความรักในที่เกิดขึ้นในหัวใจของคังฮีซู แต่แล้วเมื่อกษัตริย์อีซนสิ้นพระชนม์ องค์ชายอีอินก็เปลี่ยนไป เขาสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นกษัตริย์และลงโทษคังมงอูอย่างหนัก แม้จะรอดชีวิตมาได้ แต่ก็สั่งสมความแค้นไว้แน่นอก จนปลอมตัวเป็นสายลับหวังปลิดชีวิตกษัตริย์อีอิน กลายเป็นเรื่องราวทั้งรักทั้งแค้นท่ามกลางความวุ่นวายในเกมการเมือง 

 

 

Captivating the King อุทิศ 3 ตอนแรกให้กับการปูพื้นฐานตัวละคร โดยโฟกัสไปที่องค์ชายอีอิน เน้นให้คนดูรักและสงสารชะตากรรมที่เขาต้องเผชิญ ด้วยคาแรกเตอร์ที่พร้อมจะเป็นผู้นำและเหนือกว่าองค์กษัตริย์ในทุกๆ ด้าน แต่ก็มีความจงรักภักดี หลายฉากที่ถูกลั่นแกล้งใส่ร้ายป้ายสีอาจทำให้เราที่นั่งดูอยู่ต้องคิดในใจว่า ‘จะแล้วมั้ย’ และอยากให้เขาก่อกบฏให้รู้แล้วรู้รอดไป ซึ่งโจจองซอกก็ทำออกมาได้เป็นอย่างดี ทั้งสีหน้าและแววตาที่แตกต่างกับตอนที่ก้าวขึ้นเป็นกษัตริย์ลุแก่อำนาจ

 

และหากคนดูหลงรักคาแรกเตอร์ของอีอินได้ ก็ไม่แปลกที่คังมงอูหรือคังฮีซูจะรู้สึกไม่ต่างกันทั้งความรักและเทิดทูน ซึ่งเมื่อผิดหวัง ความร้ายแรงของความเกลียดชังย่อมมีมากกว่าอย่างแน่นอน 

 

ด้วยความที่ 3 ตอนแรกปูพื้นความผูกพันระหว่างสองตัวละครหลัก ทำให้ Captivating the King ดูแล้วไม่ต่างจากซีรีส์วาย ผิดก็ตรงที่การแสดงของชินเซคยองไม่อาจทำให้เราเชื่อได้ว่าเป็นผู้ชาย รวมถึงปฏิกิริยาที่มีต่อกันของทั้งสองคน ก็ต้องทำให้รู้สึก ‘อ๊ะ’ ในใจว่าไม่รู้จริงๆ เหรอว่านี่คือผู้หญิง ไม่ต่างจากเรื่อง ทัดดาวบุษยา ที่ผู้เขียนว่าไว้ตั้งแต่ตอนต้น 

 

 

ข้อผิดพลาดอีกอย่างคือ การเล่าเรื่องที่ค่อนข้างเชื่องช้าจนเหมือนจะเสิร์ฟแกงอ่อมให้กับผู้ชม จะน่าตื่นเต้นขึ้นมาหน่อยก็คือเรื่องราวเกมการเมือง แต่ก็ไม่มีอะไรใหม่ เป็นแนวทางที่ซีรีส์เกาหลีย้อนยุคใช้ซ้ำไปซ้ำมาก่อนหน้านั้นอยู่แล้ว 

 

ความน่าตื่นเต้นจริงๆ ของเรื่องมาเริ่มต้นในอีพี 4 เมื่อโมเมนตัมของเรื่องเริ่มกลับมาที่ตัวคังฮีซูที่ต้องสูญเสียทั้งครอบครัวและเพื่อนไป ทั้งยังถูกทารุณกรรมต่างๆ นานา จากคนที่เคยรักก็กลายเป็นความเกลียดชัง จนต้องย้อนกลับมาชำระแค้นในอีก 3 ปีต่อมา เนื้อหาจึงไปในทิศทางที่ว่าด้วยความซับซ้อนในความรู้สึกของสองตัวละครหลักในเรื่อง ที่มาพร้อมกับฉากเชือดเฉือนและบทสนทนาที่ย้อนกลับไปที่เกมกระดานพาดุก ซึ่งถูกเปรียบเป็นสัญลักษณ์เกมการเมืองได้อย่างคมคาย 

 

อีกส่วนที่เหมือนจะเป็นผลสะท้อนกลับแบบกงเกวียนกำเกวียนคือ เมื่อขึ้นสู่อำนาจสูงสุด อีอินกลับต้องทนทุกข์กับความโดดเดี่ยวและหวาดระแวงไม่ต่างจากกษัตริย์อีซน ที่น่าสนใจคือ ในช่วงแรกของซีรีส์มีการวางปมไว้หลายอย่าง ทั้งการก้าวขึ้นเป็นกษัตริย์ที่ดูเหมือนจะมีแผนการบางอยู่ในใจของอีอิน, การทำตัวเป็นกษัตริย์เสเพลแบบพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของแผนนั้น และปฏิกิริยาที่มีต่อมงอูของอีอินที่เหมือนจะรู้อยู่ลึกๆ ว่ามงอูคือผู้หญิงปลอมตัวมา สิ่งเหล่านี้คือข้อสงสัยที่รอการเฉลย แต่ที่แน่ๆ เรื่องราวทั้งหมดกำลังปูทางไปสู่โศกนาฏกรรมระดับตับพังแน่นอน 

 

 

แม้ว่า Captivating the King อาจไม่มีอะไรใหม่ถึงขั้นร้องว้าว แต่ก็ครบองค์ประกอบที่คนดูชื่นชอบ ทั้งความรัก ความแค้น และความริษยา แบบละครตบจูบ (แม้จะไม่มีการตบตีก็ตาม) แต่ก็สอดแทรกกลยุทธ์ทางการเมืองให้เนื้อเรื่องไม่ดูบางเบาจนเกินไป ทำให้คนดูได้ติดตามความเข้มข้นและค้นหาว่าใครจะกลายผู้ชนะในสงครามรักและการเมือง แม้ปลายทางจะเป็นความสุขแบบหวานอมขมกลืนก็ตาม

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X