*บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาซีรีส์
Alice in Borderland เป็นซีรีส์เอาชีวิตรอดที่มาที่ถูกที่ถูกเวลาตั้งแต่ซีซั่นแรกในปี 2020 ช่วงการแพร่ระบาดของโควิด 19 เร้าอารมณ์คนดูให้เหมือนอยู่ในประสบการณ์เดียวกับตัวละคร จากนั้นก็สานต่อความสำเร็จด้วยซีซั่น 2 ในปี 2022 เป็นบทสรุปของเรื่องราวจากมังงะต้นฉบับให้คนดูได้คำตอบสุดท้ายเกี่ยวกับโลกปริศนา และพา อาริสึ (Kento Yamazaki) และ อุซางิ (Tao Tsuchiya) กลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงอย่างสง่างามจนเรียกว่าจบลงอย่างสมบูรณ์แบบ
ทว่าการกลับมาของซีซัน 3 เป็นเหมือนการ ‘หาเรื่อง’ คือทั้งหาเรื่องเล่นกับไฟทำให้สิ่งที่สมบูรณ์ไปแล้วกลับไม่สมบูรณ์ และหาเรื่องที่จะเล่าต่อโดยไม่มีแหล่งข้อมูลเดิมรองรับ ผลลัพธ์ที่ได้คือฉากแอ็กชันที่ยังยอดเยี่ยม แต่เนื้อเรื่องกลับมีรอยโหว่ ยืดย้วยอย่างน่าเสียดาย
หลังผ่านประสบการณ์เฉียดตายจากเหตุอุกกาบาตพุ่งชนโลกจนทำให้อาริสึ และอุซางิเข้าไปอยู่ในโลกปริศนาและได้กลับมายังโลกของความจริงอีกครั้ง ทั้งคู่กำลังจะแต่งงานกันและแทบจะลืมเรื่องราวในโลกนั้นจนหมดสิ้น จนกระทั่งได้พบกับ ริวจิ มัตสึยามะ (Kento Kaku) นักวิจัยที่หมกมุ่นกับโลกหลังความตาย และการเคลื่อนไหวจากบุคคลลึกลับของโลกปริศนาได้นำพาให้อุซางิที่กำลังท้องอ่อนๆ กลับไปสู่ Borderland ทำให้อาริสุต้องตามไปด้วย และต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดในเกมใหม่ๆ ของผู้อยู่เบื้องหลังคือไพ่โจ๊กเกอร์ ที่ยังคงความบ้าระห่ำ เดิมพันด้วยความตาย และแฝงความหมายของการมีชีวิตอยู่
สิ่งที่ต้องยอมรับคือ เทคนิคการสร้างและการแสดงยังคงทำได้ดี เกมที่ถูกสร้างขึ้นใหม่มีความโหดเหี้ยมและนองเลือดตามมาตรฐานของ Borderland ไม่ว่าจะเป็นเกม ลูกศรเพลิง ที่ปรากฏในมังงะภาคแยก หรือเกมอื่นๆ ที่ซับซ้อนขึ้น สร้างทั้งความตื่นเต้นและภาพตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ชมที่ชอบสไตล์แอคชั่นนี้
อย่างไรก็ตาม ความสนุกที่แท้จริงของ Borderland คือการที่ผู้ชมรู้สึกว่าเกมนั้นมีตรรกะและมีทางออกให้ค้นพบ แต่ในซีซัน 3 นี้ เกมบางเกมกลับซับซ้อนเกินความจำเป็น กฎเกณฑ์เปลี่ยนไปมาระหว่างเล่นทำให้รู้สึกว่าผู้สร้างพยายามจะ “ขยายสเกล” ให้คนดูตั้งคำถามเชิงปรัชญามารับใช้ธีมหลักที่ว่าด้วยเรื่องคุณค่าการมีชีวิตอยู่ (โดยเฉพาะในอีพี 5 ที่ค่อนข้างยืดยาวและน่าเบื่อ) จนกระทั่งสูญเสียเสน่ห์ของการเป็นปริศนาที่ต้องใช้สติปัญญาในการไขไป
อีกส่วนที่หายไปคือเสน่ห์น่าสะพรึงกลัวของ Borderland โดยในสองซีซันแรกคือการที่มันถูกนิยามด้วยความกำกวม จะเป็นดินแดนระหว่างความเป็นและความตาย หรือจะเป็นแค่การหลอนก่อนสิ้นใจ? ความไม่ชัดเจนนี้ทำให้ความรู้สึกของตัวละครสะท้อนมาสู่ผู้ชมให้ลุ้นระทึกในทุกขณะ
แต่ซีซัน 3 กลับเลือกที่จะกำหนดคำอธิบายที่ชัดเจนไปเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเสนอ Borderland ในฐานะ ‘ประสบการณ์เฉียดตาย’ ที่สามารถเข้าถึงได้ผ่านวิธีการของริวจิ ซึ่งลดทอนโลกแห่งความเป็นความตายให้กลายเป็นสิ่งที่ “เข้าถึงได้” จนเสียสถานะของการเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ลี้ลับ กลายเป็นเพียงฉากหลังสำหรับเกมที่ซับซ้อนขึ้นเท่านั้น
และส่วนที่หนักที่สุดก็เห็นจะเป็นเรื่องความเป็นเหตุเป็นผลในแง่การตัดสินใจของตัวละคร โดยซีซันนี้เปิดฉากด้วยชีวิตรักที่ดูมีความสุขดีของอาริสึและอุซางิจนแทบไม่มีทีท่าว่าอุซางิจะกลับเข้าสู่ Borderland อีกครั้ง แต่ก็ตัดสินใจกลับไปเพียงเพราะความเศร้าส่วนตัว โดยที่ไม่ได้ปรึกษาอาริสึเลย จนเหมือนสิ่งนี้คือสิ่งที่จำเป็นต้องทำเพียงเพื่อเคลื่อนพล็อตให้คู่พระ-นางกลับมาที่ Borderland ให้ได้ก็เท่านั้น อีกทั้งทำให้คาแรกเตอร์ของอาริสุที่เคยเป็นสาวแกร่งกลายเป็นนางเอกดาษๆ ที่หาได้ในละครเมโลดราม่าทั่วไป จากที่เคยสนุกตื่นเต้นกับคู่หูคู่รักที่คนหนึ่งเป็นเหมือนสมอง อีกคนคือแขนขาพละกำลังก็ดูไม่น่าลุ้นอีกต่อไปเมื่อแรงจูงใจของพวกเขาไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย
Alice in Borderland’ ซีซัน 3 ไม่ใช่ซีรีส์ที่ถึงกับแย่แต่ก็น่าผิดหวัง โดยรวมแล้วฉากแอ็กชันก็ยังมันส์และน่าตื่นเต้นอยู่ แต่การตัดสินใจขยายเรื่องราวไปไกลกว่ามังงะ ทำให้ซีซันนี้มีปัญหาเรื่องความไม่สมดุลของบท และ แรงจูงใจของตัวละครหลักจนทำให้เรื่องราวอ่อนยวบกว่าสองซีซันแรกอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามถ้าพร้อมจะมองข้ามความไม่สมเหตุสมผลบางอย่างเพื่อแลกกับความตื่นเต้นระดับพรีเมียม นี่ก็ยังเป็นซีรีส์ที่สามารถสนุกไปกับมันได้อยู่ดี
Alice in Borderland ซีซัน 3 สตรีมแล้วที่ Netflix
ภาพ: Netflix