สถานีโทรทัศน์ Channel NewsAsia ของสิงคโปร์ รายงานอ้างอิงคำกล่าวของพนักงานรายหนึ่งใน OpenAI ที่เปิดเผยว่า ทางบริษัทกำลังเปิดตัว ‘โหมดไม่ระบุตัวตน’ สำหรับแชตบอตยอดฮิตอย่าง ChatGPT ซึ่งจะไม่บันทึกประวัติการสนทนาของผู้ใช้หรือใช้เพื่อปรับปรุงปัญญาประดิษฐ์ของบริษัท
ขณะเดียวกัน OpenAI ระบุว่า ทางบริษัทยังได้วางแผนการสมัครสมาชิก ‘ChatGPT Business’ พร้อมการควบคุมข้อมูลเพิ่มเติม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- รู้จัก ‘ChatGPT’ แชตบอตโด่งดังสุดอัจฉริยะ ที่กำลังเขย่าโลก ‘AI’ และอาจจุดชนวน Tech Disruption อีกครั้ง
- โลกสะเทือนหรือไม่? การมาของ ‘ChatGPT’ จะ Disrupt วงการใดบ้าง
- ChatGPT ปลุกยักษ์! Google ตั้งทีมพิเศษเร่งพัฒนาเทคโนโลยี สู้ศึกกับ OpenAI หวังชิงเค้กคืน
รายงานระบุว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากมีการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนมากขึ้นเกี่ยวกับวิธีการที่ ChatGPT และแชตบอตอื่นๆ เป็นแรงบันดาลใจในการจัดการข้อมูลของผู้ใช้หลายร้อยล้านคน ซึ่งใช้กันทั่วไปในการปรับปรุงหรือฝึก AI
ทั้งนี้ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทางการอิตาลีได้มีคำสั่งแบนการใช้ ChatGPT เนื่องจากอาจมีการละเมิดความเป็นส่วนตัว โดยกล่าวว่า OpenAI สามารถกลับมาให้บริการได้หากสามารถพิสูจน์และตอบสนองความต้องการความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานได้ เช่น การให้เครื่องมือแก่ผู้บริโภคในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลของพวกเขา
ด้านทางการฝรั่งเศสและสเปนก็เริ่มดำเนินการตรวจสอบบริการนี้ด้วยเช่นกัน
Mira Murati หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ OpenAI ยืนยันกับทาง Reuters ว่า บริษัทปฏิบัติตามกฎหมายความเป็นส่วนตัวของยุโรปและกำลังดำเนินการเพื่อสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยกับบรรดาหน่วยงานกำกับดูแล
Murati ย้ำว่า ฟีเจอร์ใหม่นี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากการห้ามใช้ ChatGPT ของอิตาลี แต่มาจากความพยายามในการทำให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมในการรวบรวมข้อมูล โดยยืนยันว่า OpenAI จะเดินหน้าพัฒนาเพื่อให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานมากขึ้น
ที่ผ่านมา ข้อมูลของผู้ใช้งานช่วยให้ OpenAI พัฒนาซอฟต์แวร์ให้มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น และลดอคติทางการเมือง รวมถึงปัญหาอื่นๆ กระนั้น บริษัทยังคงมีความท้าทายอีกมากที่ต้องแก้ไข
ในส่วนของฟีเจอร์ใหม่ OpenAI อธิบายว่าจะเปิดทางให้ผู้ใช้ปิด ‘ประวัติการแชตและการฝึกอบรม’ ในการตั้งค่าและส่งออกข้อมูลได้ โดย Nicholas Turley เจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ OpenAI เปรียบฟีเจอร์ใหม่นี้ว่า เหมือนกับโหมดไม่ระบุตัวตนของอินเทอร์เน็ตเบราว์เซอร์ และบริษัทจะยังคงเก็บการสนทนาไว้เป็นเวลา 30 วันเพื่อตรวจสอบการละเมิดก่อนที่จะลบออกจากระบบอย่างถาวร
นอกจากนี้ การสมัครรับข้อมูลธุรกิจของบริษัทที่จะเปิดตัวในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะไม่ใช้การสนทนาสำหรับการฝึกอบรมโมเดล AI ซึ่ง Murati กล่าวว่า บริการดังกล่าวจะดึงดูดลูกค้าปัจจุบันของ Microsoft Corp ซึ่งลงทุนใน OpenAI และให้บริการ ChatGPT
เตือน ‘AI’ เพิ่มความเสี่ยงด้านอคติและละเมิดสิทธิ
ขณะเดียวกัน Reuters รายงานเมื่อวันอังคารที่ 25 เมษายนว่า เจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ ได้ออกมาเตือนบริษัทการเงินและบริษัทอื่นๆ ว่าการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) สามารถเพิ่มความเสี่ยงของอคติและการละเมิดสิทธิพลเมือง พร้อมส่งสัญญาณว่าทางการสหรัฐฯ กำลังตรวจสอบตลาดสำหรับการเลือกปฏิบัติดังกล่าว
ทั้งนี้ หัวหน้าสำนักงานคุ้มครองการเงินผู้บริโภค หน่วยสิทธิพลเมืองของกระทรวงยุติธรรม คณะกรรมาธิการการค้าแห่งสหพันธรัฐ และหน่วยงานอื่นๆ กล่าวว่า การพึ่งพาระบบอัตโนมัติที่เพิ่มขึ้นในภาคส่วนต่างๆ เช่น การให้กู้ยืม การจ้างงาน และที่อยู่อาศัย กำลังทำให้เกิดภาวะกีดกันจากเชื้อชาติ ความพิการ และปัจจัยอื่นๆ อย่างรุนแรง
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่เครื่องมือ AI รวมถึง ChatGPT ของ Open AI ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Microsoft Corp ได้รับความนิยมในวงกว้างอย่างรวดเร็ว จนกระตุ้นให้หน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐอเมริกาและยุโรปเพิ่มการตรวจสอบการใช้งานของพวกเขาอย่างถี่ถ้วนยิ่งขึ้น และกระตุ้นให้มีการเรียกร้องให้มีกฎหมายใหม่ควบคุมเทคโนโลยีดังกล่าว
Lina Khan ประธานคณะกรรมาธิการการค้าแห่งสหพันธรัฐ ชี้ว่า การอ้างสิทธิในนวัตกรรมต้องไม่ครอบคลุมถึงการละเมิดกฎหมาย ขณะที่ Rohit Chopra ผู้อำนวยการสำนักคุ้มครองทางการเงินของผู้บริโภคเสริมว่า สำนักคุ้มครองทางการเงินของผู้บริโภคกำลังพยายามเข้าถึงผู้แจ้งเบาะแสในภาคเทคโนโลยีเพื่อพิจารณาว่าเทคโนโลยีใหม่ๆ ใดที่ละเมิดกฎหมายสิทธิพลเมือง
นอกจากนี้ Chopra ยังชี้ว่า บริษัทต่างๆ ในด้านการเงินจำเป็นต้องอธิบายการตัดสินใจด้านเครดิตที่ไม่พึงประสงค์ตามกฎหมาย หากบริษัทต่างๆ ไม่เข้าใจถึงเหตุผลของการตัดสินใจที่ AI ของพวกเขาทำ พวกเขาก็ไม่สามารถนำมาใช้อย่างถูกกฎหมายได้ ก่อนย้ำว่าประเด็นที่ทางสำนักคุ้มครองทางการเงินของผู้บริโภคพูดถึง คือการใช้ข้อมูลจำนวนมหาศาลและการพัฒนาความสัมพันธ์และการวิเคราะห์อื่นๆ เพื่อสร้างเนื้อหาและตัดสินใจที่ถูกต้องและชอบธรรม โดยสิ่งที่ทางสำนักงานต้องการเห็นก็คือความรับผิดชอบของบรรดาบริษัทการเงินที่มีต่อการตัดสินใจของ AI ที่นำมาใช้
อ้างอิง: