การเสนอชื่อผู้ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นคนใหม่ เพื่อมาดำรงตำแหน่งแทน ฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าคนปัจจุบันที่กำลังจะหมดวาระกำลังใกล้เข้ามาแล้ว โดยคาดว่าจะมีขึ้นในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ นับเป็นอีกหนึ่งการตัดสินใจที่สำคัญและต้องจับตา เนื่องจาก อาจชี้ชะตาเงินเยน ไปจนถึงพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นได้
โดยสื่อท้องถิ่นและสื่อต่างประเทศหลายแห่งต่างเริ่มเสนอข่าวผู้ที่อาจได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารญี่ปุ่นคนต่อไปแล้ว ก่อนการประกาศอย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งเริ่มมีการวิเคราะห์เกี่ยวกับแนวทางดำเนินนโยบายด้วย
มาซาโยชิ อามามิยะ
เริ่มจากตัวเต็งคนแรกคือ รองผู้ว่าการ BOJ คนปัจจุบันอย่าง มาซาโยชิ อามามิยะ (Masayoshi Amamiya) ซึ่งถูกมองว่าเป็นตัวเต็งที่จะรับช่วงต่อจากคุโรดะ โดยผู้ร่วมตลาดหลายคนระบุว่า มีโอกาส 40-50% ที่จะได้รับการเสนอชื่อ เนื่องจากถูกมองว่า จะเป็นผู้สมัครที่สามารถดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นพิเศษ (Ultra-Easy Policy) ต่อจากคุโรดะได้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น หากอามามิยะได้เป็นผู้ว่าคนต่อไป เงินเยนน่าจะอ่อนค่าต่อ และหุ้นญี่ปุ่นพุ่งขึ้นอย่างอัตโนมัติ
โดย Shoki Omori หัวหน้านักยุทธศาสตร์ของ Mizuho Securities ในโตเกียวกล่าวว่า “ปฏิกิริยาแรกๆ ของตลาดสำหรับอามามิยะ จะเป็นการปรับตัวขึ้นแบบเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On Rally) และตลาดจะเริ่มคาดการณ์ถึงนโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบที่ยาวนานขึ้น การควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทน และจะไม่คิดถึงเรื่องการเมือง”
ฮิโรชิ นากาโซะ
ตัวเต็งลำดับถัดมาคือ ฮิโรชิ นากาโซะ (Hiroshi Nakaso) อดีตรองผู้ว่า BOJ ซึ่งถูกมองว่าเป็นสายเหยี่ยวมากกว่าอามามิยะเล็กน้อย น่าจะทำให้ความผันผวนในหุ้นและพันธบัตรเบาบางลง เนื่องจากตลาดคาดการณ์ว่า นากาโซะน่าจะมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงท่าทีของ BOJ
โดยหากเขาได้รับเลือก ตลาดก็เดิมพันว่า BOJ อาจละทิ้งกรอบเป้าหมายการเคลื่อนไหวของผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี (YCC) เนื่องจากนากาโซะเพิ่งตีพิมพ์คู่มือ (Playbook) ที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับการเลิกใช้นโยบายแบบผ่อนคลาย
ขณะที่ Yujiro Goto หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจาก Nomura Holdings กล่าวว่า อาชีพเดิมของนากาโซะมุ่งให้ความสนใจกับระบบการเงินและด้านอื่นๆ ตลาดอาจคาดการณ์ว่านากาโซะจะมุ่งเน้นไปที่ผลกระทบด้านลบของ ‘อัตราดอกเบี้ยติดลบ’ และ ‘มาตรการควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล’ (YCC)
ฮิโรฮิเดะ ยามากูชิ
ผู้ที่ต้องจับตามองอีกคนคือ ฮิโรฮิเดะ ยามากูชิ (Hirohide Yamaguchi) อดีตรองผู้ว่าการ BOJ ซึ่งถูกมองว่าเป็นเหยี่ยวตัวใหญ่ที่สุดในบรรดาตัวเต็งทั้งหมด ดังนั้น ตลาดจึงเดิมพันว่า ยามากูชิอาจยุตินโยบายผ่อนคลายเป็นพิเศษของ BOJ ได้เร็วกว่าทุกคน และอาจส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตรทั่วโลกสูงขึ้น
นอกจากนี้ หากยามากูชิได้รับเลือก อาจสะท้อนว่ารัฐบาลกำลังมองหาการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายที่ชัดเจน และอาจกระตุ้นให้ตลาดเกิดความผันผวนมากที่สุด
โดย Osamu Takashima นักกลยุทธ์ของ Citigroup กล่าวว่า เงินเยนอาจแข็งค่าแตะระดับ 127 ต่อดอลลาร์ ขณะที่หุ้นญี่ปุ่นอาจร่วงลงมากถึง 1% และต่างชาติอาจ ‘ถูกกระตุ้น’ ให้ทดสอบเพดานยีลด์ของ BOJ หากยามากูชิได้รับเลือก
สอดคล้องกับ Eiji Dohke หัวหน้านักกลยุทธ์ตราสารหนี้ของ SBI Securities Co. ในโตเกียว ที่กล่าวว่า “หากยามากูชิได้รับเลือก จะเป็นการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ว่า BOJ จะเป็นผู้นำในการปรับนโยบายการเงินให้เป็นปกติ”
นอกจากนี้ ยังมีโอกาสที่กระแสเงินทุนของญี่ปุ่นจะไหลออกจากสินทรัพย์ต่างประเทศ กลับมาหาสินทรัพย์ที่ผลตอบแทนที่สูงขึ้นในบ้านเกิดแทน ดังนั้นจึงอาจส่งผลกระทบในทางลบต่อพันธบัตรรัฐบาลออสเตรเลียและสหรัฐฯ เนื่องจากมีนักลงทุนชาวญี่ปุ่นถือครองในสัดส่วนประมาณ 3% และ 4.5% ตามลำดับ
สำหรับแคนดิเดตคนอื่นๆ มีความเป็นไปได้น้อยมากที่จะได้รับเลือกให้เข้ามาแทนที่คุโรดะ ตามความเห็นของนักกลยุทธ์หลายคน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ต้องรีบซื้อตุน? เหตุยุค ‘เงินเยน’ อ่อนค่าอาจจบแล้ว! หลังเงินเฟ้อสหรัฐฯ แผ่วกว่าคาด ดึงดอลลาร์อ่อน
- ราคาห้องพักและโรงแรมใน ญี่ปุ่น พุ่งขึ้นแล้ว 10-20% จากนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวและเงินเฟ้อ
- ญี่ปุ่นจ๋าพี่มาแล้ว! นี่คือ 5 เซอร์ไพรส์เล็กๆ จากญี่ปุ่นที่เปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง
อ้างอิง: