กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่พร้อมชาติพันธมิตร หรือ OPEC+ เปิดเผยว่า การประชุมที่มีการเลื่อนออกไปจากกำหนดการเดิมนั้น ทาง OPEC+ จะจัดขึ้นทางออนไลน์แทนการประชุมแบบพบปะหน้ากันในสัปดาห์หน้า หลังจากที่ทางสมาชิกในกลุ่มมีปัญหาขัดแย้งกันในเรื่องระดับกำลังการผลิตที่เหมาะสมท่ามกลางราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง
ทั้งนี้ ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางซาอุดีอาระเบียและพันธมิตรเกิดข้อพิพาทเรื่องกำลังการผลิตสำหรับสมาชิกในแอฟริกา ความขัดแย้งดังกล่าวทำให้ทางกลุ่มต้องเลื่อนการประชุมตามกำหนดการออกไปหลายวันจนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบดิ่งลงมากถึง 4.9% เหลือต่ำกว่า 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในตลาดลอนดอนเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (22 พฤศจิกายน)
โดยก่อนหน้าที่จะเลื่อนการประชุมออกไป บรรดาเหล่าผู้ค้าน้ำมันคิดว่าทางซาอุดีอาระเบียกำลังเตรียมพร้อมที่จะประกาศขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตเพียงฝ่ายเดียวที่ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพื่อพยายามพยุงราคาที่ตกต่ำ นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์บางประการที่ว่าทางการกรุงริยาดสามารถชักนำสมาชิกคนอื่นๆ ให้เข้าร่วมกับข้อจำกัดเพิ่มเติมของตนเองได้
ปัญหาไม่ลงรอยล่าสุดทำให้เกิดความกังขาต่อข้อขัดแย้งที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนมิถุนายน ที่สมาชิกจากแอฟริกาอย่างแองโกลา คองโก และไนจีเรีย ถูกกดดันโดยเจ้าชายอับดุลอาซิซ บิน ซัลมาน รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของซาอุดีอาระเบีย ให้ยอมรับเป้าหมายการผลิตที่ลดลงสำหรับปี 2024 สะท้อนถึงความสามารถที่ลดลงของกลุ่ม โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันในแอฟริกาต้องดิ้นรนอย่างหนัก เนื่องจากการลงทุนที่น้อยลง การหยุดชะงักในการดำเนินงาน และแหล่งน้ำมันที่มีอายุมากขึ้นเรื่อยๆ
ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ครั้งแรกที่กลุ่มพันธมิตร OPEC+ 23 ประเทศได้เปลี่ยนแปลงแผนโดยแจ้งให้ทราบล่วงหน้าแบบกระชั้นชิด โดยเมื่อปีที่แล้วทางกลุ่มก็ทำเช่นเดียวกัน ด้วยการเปลี่ยนมาเป็นการประชุมทางออนไลน์หลังจากกำหนดเป้าหมายการผลิตในการพบปะแบบเห็นหน้ากันในกรุงเวียนนาเมื่อเดือนที่แล้ว
รายงานระบุว่า การประชุมที่กำหนดเวลาใหม่ในวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ ตรงกับวันแรกของการเจรจาเรื่องสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติ ซึ่งจัดโดยสมาชิก OPEC ในนครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ขณะเดียวกันก็มีการจัดพูดคุยแบบต่อหน้าในกรุงเวียนนาในวันเดียวกับการเริ่มต้นการประชุม COP28 อาจสร้างปัญหาด้านโลจิสติกส์ให้กับรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานจำนวนหนึ่ง
ขณะนี้เหล่าเทรดเดอร์กำลังรอดูว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (OPEC+) จะแก้ไขข้อขัดแย้งเรื่องโควตาอย่างไร และจะมีข้อตกลงใดๆ เกี่ยวกับมาตรการพยุงราคาน้ำมันดิบในตลาดในปี 2024 หรือไม่ ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าหากทางกลุ่มไม่มีข้อตกลงด้านการผลิตในปีหน้าจะทำให้ตลาดน้ำมันทั่วโลกอยู่ในภาวะตำแหน่งที่ไม่มั่นคง
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบในปัจจุบันลดลงประมาณ 16% จากระดับราคาสูงสุดในเดือนกันยายน ท่ามกลางผลผลิตในสหรัฐอเมริกาที่แข็งแกร่งอย่างน่าประหลาดใจ ในขณะที่จีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก พบว่ามีอัตรากำไรจากการกลั่นลดลง พร้อมกับตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่ถดถอย
นอกจากนี้ปริมาณน้ำมันดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มที่จะกลับไปสู่การเกินดุลอีกครั้งในต้นปีหน้า เนื่องจากความต้องการเติบโตช้าลงอย่างมาก ในขณะที่ผู้ผลิตอย่างสหรัฐอเมริกาและกายอานายังคงเติบโตต่อไป ตามที่สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (International Energy Agency) ระบุ
ยิ่งไปกว่านั้น ในเวลาเดียวกัน อุปทานของอิหร่านยังฟื้นตัวกลับขึ้นมาในขณะที่สหรัฐฯ ผ่อนปรนการบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตร และการส่งออกของรัสเซียยังคงทรงตัวในขณะที่ประเทศเร่งผลิตน้ำมันมากกว่าโควตาของตนเอง
ด้านผู้แทน OPEC+ กล่าวว่าพวกเขากำลังหาเวลาพิเศษ ในขณะที่แองโกลาและไนจีเรียต้องเผชิญความขัดแย้งกับเป้าหมายการผลิตที่ต่ำกว่าที่ต้องการตามที่ชาติสมาชิกที่มีอำนาจมากกว่ากดดัน โดยชาติสมาชิก OPEC+ ส่วนหนึ่งยอมจำนนต่อโควตาใหม่อย่างไม่เต็มใจ โดยมีข้อแม้ว่าพวกเขาจะได้รับการปรับแก้ไขโควตากำลังการผลิตให้สูงขึ้นอีกครั้งหากการตรวจสอบภายนอกโดยบริษัท 3 แห่ง ได้แก่ Rystad Energy A/S, Wood Mackenzie Ltd. และ IHS ได้พิสูจน์แล้วว่ากำลังการผลิตของแต่ละประเทศเพิ่มขึ้นได้
อ้างอิง:
