กลุ่ม OPEC+ ซึ่งประกอบไปด้วยประเทศผู้ผลิตน้ำมัน 23 ประเทศ ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 14 ชาติของ Organization of the Petroleum Exporting Countries (OPEC) และสมาชิกที่ไม่ใช่ OPEC อีก 10 ประเทศ บรรลุข้อตกลงที่จะเดินหน้าลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลง 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ไปจนถึงสิ้นปี 2023 หรือคิดเป็น 2% ของอุปสงค์โลก ตามแผนการเดิมในการประชุมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (4 ธันวาคม)
การตัดสินใจของกลุ่ม OPEC+ ซึ่งมีซาอุดีอาระเบียและรัสเซียเป็นแกนนำ เป็นไปตามคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ด้านพลังงานที่มองว่ากลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันจะเดินหน้าลดกำลังการผลิตเพื่อพยุงราคา หลังจากที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับลดลงจากระดับ 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในช่วงเดือนมิถุนายน มาอยู่ที่ราว 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในปัจจุบัน
นอกจากนี้การตัดสินใจดังกล่าวยังเกิดขึ้นก่อนที่สหภาพยุโรป (EU) จะเริ่มต้นแบนการนำเข้าน้ำมันทางทะเลจากรัสเซียในวันนี้ (5 ธันวาคม) ขณะที่สหรัฐฯ และชาติอื่นๆ ในกลุ่ม G7 ก็จะเริ่มกำหนดเพดานราคาน้ำมันที่นำเข้าจากรัสเซียไว้ที่ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเช่นกัน
ก่อนหน้านี้รัฐบาลรัสเซียได้ออกมาเตือนว่า การจำกัดการนำเข้าน้ำมันรัสเซียของกลุ่มชาติตะวันตกจะส่งผลเสียมากกว่าผลดี และจะทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้น ขณะเดียวกัน รัสเซียยังยืนยันจะเดินหน้าขายน้ำมันที่ราคาตลาดโลกเท่านั้น โดยไม่สนมาตรการคว่ำบาตร ทำให้สหรัฐฯ พยายามกดดันให้กลุ่ม OPEC+ เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบเพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจโลก แต่ดูเหมือนว่าแรงกดดันดังกล่าวจะไม่เป็นผล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘เอ็กโก กรุ๊ป’ โชว์กำไรจากการดำเนินงาน 9 เดือนของปี 2565 กว่า 10,000 ลบ. เดินหน้าลงทุนพลังงานสะอาดและพัฒนาเทคโนโลยีลดคาร์บอน
- มาตรการคุมโควิดของจีนจ่อฉุดดีมานด์สินค้าโภคภัณฑ์ ตั้งแต่น้ำมัน เหล็ก ถึงถ่านหิน ซึ่งมักพุ่งสูงในช่วงฤดูหนาว
- ‘Goldman Sachs’ หั่นเป้าราคาน้ำมันเหลือ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในไตรมาส 4 ระบุโควิดจีนฉุดดีมานด์ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อเดือน
อ้างอิง: