นับว่าเป็นการเปิดตัว EP.1 ที่ดำเนินเรื่องลื่นไหล ไม่ช้าหรือเร็วเกินไป ตั้งคำถามได้น่าสนใจ และดึงเสน่ห์ทั้งของนักแสดงรุ่นใหญ่อย่าง ดู๋-สัญญา คุณากร และ แหม่ม-คัทลียา แมคอินทอช รวมทั้งสาวๆ จาก BNK48 ออกมาได้เป็นอย่างดี สำหรับซีรีส์ One Year 365 วัน บ้านฉัน บ้านเธอ ที่เพิ่งออกอากาศทาง LINE TV ไปเมื่อคืนวันที่ 28 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
ประเด็นแรกที่น่าสนใจคือ การ ‘สลับข้าง’ ขั้วอำนาจภายในบ้าน จากเดิมที่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่ ให้กลายฝ่ายเป็นลูกๆ ทั้ง 5 คน คือ เพชร (เฌอปราง อารีย์กุล), ตะวัน (จูเน่-เพลินพิชญา โกมลารชุน), พลอย (ปัญ-ปัญสิกรณ์ ติยะกร), ไพลิน (วี-วีรยา จาง) และ แพรวพราว (มิวนิค-นันท์นภัส เลิศนามเชิดสกุล) ที่คนเป็นแม่อย่าง มุก (แหม่ม-คัทลียา แมคอินทอช) ต้องคอยเกรงใจอย่างเห็นได้ชัด
แม้กระทั่งตอนที่มุกตัดสินใจแต่งงานกับตั้ม (ดู๋-สัญญา คุณากร) พ่อหม้ายเพื่อนสนิทลูกติด 2 ก็ยังอึกอักไม่กล้าบอกให้ลูกรู้ เพราะรู้ว่าลูกๆ ไม่มีทางเห็นด้วยกับการตัดสินใจครั้งนี้ ซึ่งเป็นระบบความสัมพันธ์ที่เราเห็นได้ไม่บ่อยนัก เพราะส่วนใหญ่จะต้องเป็นฝ่ายผู้ใหญ่ที่ไม่เข้าใจความต้องการของเด็กมากกว่า
ประเด็นสำคัญใน One Year 365 วัน บ้านฉัน บ้านเธอ เลยเปลี่ยนจากนำเสนอว่า พ่อแม่ต้องพยายามทำความเข้าใจลูก กลายเป็นว่า ลูกๆ เองก็ต้องเป็นฝ่ายทำความเข้าใจพ่อแม่เหมือนกัน ตรงนี้เป็นจุดที่น่าสนใจมากๆ เพราะเรามักจะคิดกันเองฝ่ายเดียวว่าผู้ใหญ่ไม่เข้าใจเด็ก โดยไม่เคยสนใจเลยว่าจริงๆ แล้วเราเองก็ไม่เคยพยายามทำความเข้าใจเขาเหมือนกัน
หนึ่งในฉากที่เราชอบมาก คือตอนที่เพชรคุยกับตะวันว่า “แม่รักแฟนมากกว่าพวกเราใช่ไหม” หลังจากที่พยายามต่อต้านการแต่งงานของแม่ แต่ไม่ได้ผล เลยพาน้องๆ หนีออกจากบ้านมาอยู่ที่โรงแรม แล้วตะวันบอกว่า “การรักแบบลูก กับรักแบบแฟนเป็นคนละแบบกันนะ”
เป็นประโยคสั้นๆ ที่แสดงให้เห็นถึง ‘ความไม่เข้าใจ’ ในแบบเด็กๆ เพราะถึงแม้ว่าเพชรจะมีสถานะคล้ายหัวหน้าครอบครัวที่ดูแลทุกคน แต่ที่จริงแล้วเธอแทบจะไม่รู้เลยว่าโลกใบนี้ยังมี ‘ความรัก’ แบบอื่นๆ ที่ไม่ใช่แค่รักแบบแม่ลูกและความรักแบบพี่น้องซ่อนอยู่ และที่น่าเห็นใจไปกว่านั้น เธอคิดว่าสิ่งที่อยู่นอกเหนือความรักเหล่านั้นมีเพียงความเจ็บปวดเท่านั้นที่รออยู่
และนำไปสู่การยอมถอยคนละหนึ่งก้าวที่เพชรยื่นข้อเสนอว่า ตั้มและลูก 2 คน คือ บูม (เก้า-จิรายุ ละอองมณี) และ เบบี้ (ฟ้อนด์-ณัฐทิชา จันทรวารี) จะต้องย้ายมาอยู่ที่บ้านด้วยกันเป็นเวลา 1 ปี และถ้าตั้มทำให้แม่ของเธอเสียใจเมื่อไร ทั้งคู่จะต้องเลิกกันทันที
ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นในการเรียนรู้และทำความเข้าใจร่วมกันระหว่าง 2 ครอบครัว ที่สมาชิกทั้ง 9 คนจะต้องปรับตัว เปลี่ยนแปลง และเติบโตขึ้นไปพร้อมๆ กัน โดยเฉพาะตัวละครเพชรของเฌอปราง ที่จะได้เรียนรู้ว่าโลกใบนี้ยังมีความรักอีกหลายรูปแบบรอให้เธอเข้าไปสัมผัสและโอบกอดมันไว้ด้วยความสุข เศร้า อีกมากมายนับจากนี้
ในส่วนของการแสดงใน EP.1 ทางฝั่งรุ่นใหญ่อย่างดู๋และแหม่มเรียกว่าไม่มีปัญหา สมกับการเป็น ‘คู่ขวัญ’ กันมาตั้งแต่สมัยเล่นละครเรื่อง ชายไม่จริง หญิงแท้ เมื่อหลายสิบปีก่อน ส่วนรุ่นเด็ก คนที่โดดเด่นที่สุดในตอนแรกยังเป็นบท เพชร ของเฌอปรางในฐานะพี่ใหญ่ แกนนำสำคัญในการต่อต้านความสัมพันธ์ครั้งใหม่ของแม่แบบหัวชนฝา ถึงขนาดแสดงพฤติกรรมที่ไม่น่ารักออกมาอยู่หลายครั้ง
ถ้าพูดถึงเรื่องการแสดงของเฌอปราง ก็นับว่าสอบผ่านตามมาตรฐานของคนที่เคยผ่านงานภาพยนตร์เรื่อง Homestay มาแล้ว เฌอปรางยังคงทำได้ดีในบทของคนที่ต้องแบกรับอะไรเอาไว้มากๆ และการเป็นพี่ใหญ่จอมดุกับการเป็นกัปตันวงที่ต้องมีระเบียบวินัยมากๆ ก็ซ้อนทับกันได้พอดิบพอดี
แต่ก็กลายเป็นเรื่องน่าเสียดายอยู่เหมือนกัน เพราะทำให้เราไม่ได้เห็นพัฒนาการด้านการแสดงของเฌอปรางมากเท่าไร ซึ่งเราคิดว่าเธอพร้อมแล้วที่จะได้รับการท้าทายด้วยบทบาทที่แตกต่างจากภาพจำของเธอให้มากกว่านี้
ส่วนตัวละครอื่นๆ ถึงแม้จะยังไม่มีบทบาทมากเท่าไร แต่ก็พอมองเห็นว่าทีมแคสติ้ง และทีมเขียนบทวางคาแรกเตอร์ตัวละครที่ใกล้เคียง จูเน่, ปัญ, วี, มิวนิค และฟ้อนด์ เอาไว้ ทำให้เราได้เห็นการแสดงที่ค่อนข้างเป็นธรรมชาติ ซึ่งเราหวังว่าจะได้เห็นฉากที่ท้าทายความสามารถของพวกเธอมากขึ้นใน EP. ต่อๆ ไป
ซึ่งเราเชื่อว่าทั้งเนื้อเรื่องตอนต่อๆ ไป และการแสดงของทุกคนนับจากนี้ ลดกำแพงระหว่างวัยและกระชับความสัมพันธ์ที่ไม่ต้องมีใคร ‘เป็นใหญ่’ แต่อยู่ร่วมกันด้วยความรักและเข้าใจของครอบครัว พี่น้อง เพื่อนสนิท และคนรักทุกเพศทุกวัยได้ตลอดไป ไม่ใช่แค่ระยะเวลา 1 ปี