เพราะความพยายามไม่เคยทำร้ายใคร ในที่สุด ‘เทนนิส’ พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ยอดนักกีฬาเทควันโดสาวก็สามารถพิชิตเหรียญทองโอลิมปิกมาครองได้สำเร็จในการแข่งขัน ‘โตเกียวเกมส์’ ซึ่งถือเป็นสุดยอดรางวัลที่เธอทุ่มเททั้งชีวิตและจิตใจเพื่อแลกกับความฝันนี้
แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้กับการเป็นฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เส้นทางของจอมเตะสาวคนนี้เป็นมาอย่างไรกัน
เรามาร่วมย้อนดูด้วยความชื่นชมไปพร้อมกันอีกครั้ง
บทเรียนชีวิตจาก ‘ริโอเกมส์’
การแข่งขันโอลิมปิกที่กรุงโตเกียวครั้งนี้คือการลงแข่งขันครั้งที่ 2 ของพาณิภัค หลังจากที่เคยเข้าร่วมการแข่งขันมาแล้วในการแข่งโอลิมปิกครั้งที่แล้วที่กรุงริโอเดอจาเนโรเมื่อปี 2016
ครั้งนั้นสาวน้อยในวัย 19 ปีได้บทเรียนที่สำคัญที่สุดในชีวิต เมื่อทำคะแนนนำ คิมโซฮึย คู่แข่งชาวเกาหลีใต้ 4-2 ในรอบ 8 คนสุดท้าย แต่เกิดการพลิกผันในช่วงแค่ไม่กี่วินาทีสุดท้าย เมื่อเธอพลาดท่าถูกคู่แข่งบุกเข้ามาใส่และเธอตัดสินใจเตะสวนกลับไป แต่ปรากฏว่าลูกเตะหัวของโซฮึยได้คะแนนแต่ของเธอไม่ขึ้น และสุดท้ายเธอแพ้ไป ก่อนจะร้องไห้อย่างไม่อายใคร
เอาจริงเธอคิดจะเลิกเล่นด้วยซ้ำไป!
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา พาณิภัคตั้งใจว่าต่อจากนี้ไม่ว่าจะเจอใครก็ตาม เธอจะเตะไม่หยุด เตะไม่หยุด เตะให้ชนะขาด เพื่อที่จะไม่ต้องผิดหวังกับความพ่ายแพ้ที่ไม่คาดฝันอีก
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา พาณิภัคพยายามต่อสู้ฝึกฝนตัวเองอย่างไม่ย่อท้อ ต่อให้บางวันจะต้องเสียน้ำตาเพราะการฝึกซ้อมนั้นหนักมาก ไม่แปลกที่เธอจะอ่อนล้าทั้งกายและใจ แต่เมื่อน้ำตาหยดสุดท้ายของวันแห้งแล้ว เธอจะเช็ดน้ำตาตัวเองและลุกขึ้นมาสู้ใหม่อีกครั้ง เพราะมีเป้าหมายชัดเจนในใจ ‘ต้องคว้าเหรียญทองให้ได้’
เหรียญทองที่รอคอยใน ‘โตเกียวเกมส์’
หลังการรอคอยอย่างยาวนาน โดยเฉพาะ 1 ปีที่ผ่านมาที่เธอต้องอดทนรอเวลาที่จะลงแข่งขันในกีฬาโอลิมปิกที่ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่ ในที่สุดพาณิภัคก็ได้ลงสนามที่เธอเฝ้ารอมาตลอด ในสภาพร่างกายที่คนใกล้ชิดยืนยันว่าเธอฟิตสมบูรณ์พร้อมที่สุด เช่นกันกับสภาพจิตใจ ที่แม้จะเป็นความหวังของคนทั้งประเทศ แต่เธอก็ดูผ่อนคลาย เพราะรู้ว่าสิ่งที่ต้องทำคือการพยายามให้ดีที่สุดเท่านั้น เทนนิสยังจำได้ว่าสิ่งที่เธอต้องทำคือการเตะทำคะแนนไปเรื่อยๆ ไม่หยุด ไม่เปิดโอกาสให้คู่แข่งพลิกกลับมาชนะเธอได้เด็ดขาด
รอบแรก (16 คนสุดท้าย) เธอทำอย่างที่ตั้งใจไว้ด้วยการไล่หวดใส่ อาบิชาก เซมเบิร์ก จอมเตะสาวชาวอิสราเอล ขาดลอยถึง 29-5
รอบต่อมาเป็นศึกที่ต้องลุ้นระทึกเกินคาด เมื่อพาณิภัคเจองานหนัก เพราะถูก ตีกิมเตวียนตรวง นักกีฬาชาวเวียดนาม ชิงจังหวะโกยคะแนนไปในยกแรก และยังประคองตัวได้ในยกที่สองที่จอมเตะสาวไทยเราพยายามเร่งเครื่องทำแต้มไล่ตามมา ก่อนที่จะโชว์เพลงเตะที่เหนือชั้นกว่า พลิกกลับมาทำแต้มแซงชนะขาดในช่วงยกที่ 3
ผ่านมาถึงรอบรองชนะเลิศ ที่หากชนะเธอจะได้รับเหรียญรางวัลแน่นอนจากโอลิมปิกครั้งนี้ คู่แข่งคือ มิยู ทาคาดะ ซึ่งล้ม ซิมแชยัง อีกหนึ่งตัวเก็งของการแข่งขันชาวเกาหลีใต้มาได้ แต่ปรากฏว่ารอบนี้พาณิภัคไม่อยากให้ใครต้องลุ้นเครียดอีกแล้ว จึงไล่เตะสาวเจ้าภาพจนชนะขาดลอย 34-12
จนมาถึงรอบชิงชนะเลิศที่เธอได้พบกับ อิเกลเซียส อาเดรียา จอมเตะสาวชาวสเปน และสามารถไล่เตะคู่แข่งจากแดนกระทิงดุจนได้รับชัยชนะที่เป็นเหมือนปลายทางความฝันของเธอ ในฐานะนักเทควันโดเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกคนแรกของไทย และเป็นเหรียญทองแรกในโตเกียวเกมส์
ก่อนหน้านี้คนไทยเคยได้ชื่นชมความสำเร็จของ ‘วิว’ เยาวภา บุรพลชัย อดีตสาวน้อยมหัศจรรย์ที่กรุยทางให้แก่วงการเทควันโดไทยในรายการโอลิมปิกเกมส์เมื่อปี 2004 ที่ประเทศกรีซ จนวันนี้เราได้ฮีโร่คนใหม่ที่สานต่อความตั้งใจของทุกคนอย่างพาณิภัค ที่จะส่งต่อแรงบันดาลใจและไฟฝันให้แก่รุ่นน้องที่จะเดินตามรอยเธอมาในอนาคต
ที่สำคัญคือ นี่ถือเป็นของขวัญกล่องใหญ่ เป็นรอยยิ้มและกำลังใจให้แก่คนไทยที่กำลังต่อสู้อย่างหนักหน่วงกับวิกฤตโควิดในเวลานี้
จอมเตะอัจฉริยะผู้ไม่เคยละความพยายาม
ถึงจะดูเหมือนชัยชนะของเธอจะได้มาอย่างง่ายดาย ด้วยสไตล์เหนือชั้นระดับอัจฉริยะ โดยเฉพาะลูกไม้ตายอย่างการเตะหัว (ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นท่าที่ยากที่สุด) ที่พลิกแพลงและเดาทางได้ยากลำบาก ทำให้คู่ต่อสู้จนปัญญา ไม่รู้ว่าจะหยุดเธอได้อย่างไร
แต่ในความเป็นจริงแล้ว กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ พาณิภัคผ่านความยากลำบากมากมาย โดยเฉพาะในวัยเด็กที่เธอแพ้แล้วแพ้อีก และความจริงการได้มาเล่นเทควันโดเองก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอวาดหวังไว้ด้วย
ในวัยเด็กหนู ‘เทนนิส’ เป็นเด็กที่ไม่แข็งแรงระดับน่าเป็นห่วง ความอ่อนแอของร่างกายทำให้เธอแพ้ง่าย ทานอะไรไม่ค่อยได้ แพ้ผงชูรส และแพ้อาหารทะเลทั้งๆ ที่เธอเป็นเด็กสุราษฎร์ธานี
ด้วยความที่ครอบครัวคนรักกีฬาเป็นทุนเดิม (นอกจากเทนนิสแล้ว พี่ชายกับพี่สาวของเธอก็มีชื่อเล่นเป็นกีฬาเช่นกันคือ เบสบอล กับโบว์ลิง) ทำให้ศิริชัย วงศ์พัฒนกิจ พ่อของเธอ พยายามเคี่ยวเข็ญให้สาวน้อยวัย 7 ขวบเล่นกีฬาอะไรก็ได้ พาณิภัคจึงผ่านการลองผิดลองถูกมาทั้งการวิ่ง การปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ ปิงปอง วอลเลย์บอล
ปัญหาคือเธอจะเล่นอะไรก็ตามมันก็แย่ไปหมด จนกระทั่งเธอพบกับเทควันโด กีฬาที่ดูไม่น่าเข้ากับเด็กอ่อนแอเลยจริงๆ ซึ่งเธอก็ไม่อยากจะเป็นจอมเตะอะไรกับใครด้วยซ้ำเพราะเล่นแล้วเจ็บตัว แต่ชีวิตก็มาถึงจุดเปลี่ยนในอีก 2 ปีต่อมา เมื่อเธอได้ไปแข่งที่ภูเก็ต (แบบไม่เต็มใจเพราะอยากไปเที่ยวมากกว่า) โดยที่คุณพ่อท้าทายเธอด้วยรางวัลติดปลายนวมเล็กน้อยพอขำๆ เป็นแรงกระตุ้น
แต่การแข่งครั้งนั้นเธอแพ้ขาดลอย เจ็บตัวไม่พอ ยังเจ็บใจอีกเพราะโดนเพื่อนล้อ สุดท้ายความแค้นก็เลยเปลี่ยนเป็นความรักขึ้นมาแทนในวันนั้น
ถึงจะแพ้และแพ้มาตลอดในช่วงเวลาหลังจากนั้นอีกหลายปี แต่ไม่ต่างจากภาษิตโบราณของจีน ‘เมื่อถึงเวลาดอกไม้จะบานเอง’ ความพยายามทุ่มเทไม่หยุดของเธอ (และแน่นอนของครอบครัวที่ทั้งผลักดันและปลอบโยน) ทำให้พาณิภัคค่อยๆ ก้าวไปข้างหน้าเรื่อยๆ อย่างไม่หยุดยั้ง
จากเหรียญทองในรายการเล็กๆ ตอนอายุ 12 ปี สู่เหรียญทองกีฬาเยาวชนแห่งชาติตอนอายุ 13 ปี ‘เทนนิส’ ก็ค่อยๆ กลายเป็นจอมล่าเหรียญรางวัล
เธอได้เป็นแชมป์โลก เธอได้เป็นนักเทควันโดอันดับ 1 ของโลกในรุ่นน้ำหนัก 49 กิโลกรัม
และวันนี้เธอคือนักเทควันโดไทยคนแรกที่คว้าเหรียญทองโอลิมปิกมาครองได้
เรื่องเบ็ดเตล็ด ‘เทนนิส’ ที่คุณอาจไม่เคยรู้
- แม่ของเทนนิสเสียตั้งแต่เธออายุ 7 ขวบ หลังเริ่มเล่นเทควันโดได้ไม่นาน แต่พ่อศิริชัยก็อบรมดูแลลูกๆ ทุกคนด้วยความรักและความเข้าใจ จนประสบความสำเร็จในเส้นทางตัวเองในวันนี้
- พ่อของเทนนิสมีความฝันอยากเห็นลูกๆ ติดทีมชาติ ดังนั้น ตอนนี้เทนนิสไปไกลเกินฝันของพ่อแล้ว
- ครั้งหนึ่งเธอเคยรถมอเตอร์ไซค์ล้มก่อนแข่ง 2 สัปดาห์ บอบช้ำไปทั่วร่าง ต้องใช้ไม้ค้ำทุกวันก่อนไปแข่ง แต่รายการนั้น (เทควันโด กรังด์ปรีซ์ ไฟนัล 2018) ขาข้างเดียวของเธอก็ยังคว้ารองแชมป์มาได้
- ทุกวันเธอจะต้องตื่นตอน 05.30 น. เพื่อไปวิ่งรอบสนามราชมังคลากีฬาสถาน ถ้าวิ่งไม่ทันเวลา โค้ชก็จะสั่งวิ่งคูณไปเรื่อยๆ จนบางครั้งธงชาติขึ้นสู่ยอดเสาแล้วยังวิ่งไม่หยุดเลย แน่นอนได้มีน้ำตาตลอด และในช่วงเย็นไปเรียนที่จุฬาฯ เสร็จก็จะกลับมาซ้อมต่อจนถึง 20.30 น. และ 22.00 น. ต้องถึงห้องพักแล้ว นี่คือตารางชีวิตของเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก
- ครั้งหนึ่งเทนนิสเคยคุยกับนักจิตวิทยา และสารภาพความรู้สึกจากใจว่าเธอกลัวแพ้ ไม่อยากแข่งแล้ว และได้รับคำแนะนำว่าอย่างน้อยเธอก็ได้ทำแล้ว ถ้าความฝันของเทนนิสคือการคว้าเหรียญทองโอลิมปิก ก็ทำตามความฝันให้เต็มที่ ได้แค่ไหนก็ถือว่าเต็มที่แล้ว นั่นทำให้เธอทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่าง เพราะในวันข้างหน้าจะไม่รู้สึกเสียดายอีก
- อาหารญี่ปุ่นคือของโปรดของเธอ ใช้ปลาดิบ ซูชิ (แซลมอน) เยียวยาตัวเอง
- ถ้าไม่เป็นนักเทควันโด เธออยากเปิดคาเฟ่สุนัข
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- BREAKING: เหรียญทองประวัติศาสตร์! ‘เทนนิส’ พาณิภัค ปราบจอมเตะสเปน คว้าทองแรกให้ไทยใน ‘โตเกียว 2020’
- ชิงเหรียญทอง! ‘เทนนิส’ ฟาดจอมเตะญี่ปุ่นขาดลอย ทะลุเข้าชิงโอลิมปิกเวลา 19.30 น.
ชมคลิป: เทนนิส พาณิภัค จอมเตะทีมชาติไทย l The Princess of Taekwondo
อัปเดตการแข่งขันโอลิมปิก 2020 ได้ที่ thestandard.co/tokyo2020 และ Facebook: Facebook.com/thestandardth
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง: