×

ราคาน้ำมันดิ่งแตะระดับต่ำสุดรอบ 3 ปี หลัง OPEC+ เพิ่มกำลังการผลิต ขณะที่อุปสงค์ยังซบเซา

09.03.2025
  • LOADING...

ราคาน้ำมันดิบร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี ท่ามกลางแรงกดดันจากปัจจัยลบหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการประกาศเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับคู่ค้ารายใหญ่ และแนวโน้มอุปสงค์ที่ซบเซาจากจีน 

 

ราคาน้ำมันดิบเบรนต์ซึ่งก่อนหน้านี้เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 70-85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลตั้งแต่เดือนกันยายน ร่วงลงต่อกว่า 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลัง OPEC+ สร้างความประหลาดใจด้วยการประกาศเพิ่มกำลังการผลิต ทั้งที่ก่อนหน้านี้พยายามคุมปริมาณเพื่อพยุงราคา

 

ในขณะเดียวกัน จีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลกกำลังปรับโครงสร้างการกลั่น โดยลดการผลิตเชื้อเพลิงหลักอย่างเบนซินและดีเซล สะท้อนถึงอุปสงค์ระยะยาวที่ยังไม่แน่นอน ขณะที่ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์เริ่มลดลง หลังรัสเซียส่งสัญญาณพร้อมหารือสงบศึกชั่วคราวในยูเครน

 

สัญญาณเชิงลบเหล่านี้ทำให้นักเก็งกำไรลดสถานะการลงทุนในน้ำมัน โดยข้อมูลจาก US Commodity Futures Trading Commission ระบุว่า กองทุนเฮดจ์ฟันด์ลดสถานะซื้อสุทธิในน้ำมันดิบ WTI ลงเกือบแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 10 ปี ขณะที่สถานะซื้อใน Brent ถูกปรับลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว

 

ท่ามกลางกระแสตลาดที่เป็นขาลง สถาบันการเงินชั้นนำเริ่มปรับคาดการณ์ราคาน้ำมันลง โดย Morgan Stanley ปรับลดประมาณการราคาน้ำมันเบรนท์ปีนี้เหลือเฉลี่ย 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากเดิม 75 ดอลลาร์ ขณะที่ Goldman Sachs เตือนว่าราคาน้ำมันอาจหลุดช่วง 70-85 ดอลลาร์ JPMorgan ถึงขั้นมองว่าราคาน้ำมันอาจลงไปแตะระดับ 50 ดอลลาร์

 

อีกหนึ่งสัญญาณเชิงลบคือราคาน้ำมันดิบจากตะวันออกกลางที่เคยแข็งแกร่งในช่วงที่สหรัฐฯ คว่ำบาตรรัสเซียและอิหร่าน กำลังเผชิญภาวะอ่อนตัว พรีเมียมของน้ำมันดิบ Murban ซึ่งเป็นเกรดหลักของเอเชีย ลดลงเมื่อเทียบกับน้ำมันดิบดูไบ ขณะที่จีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันอันดับหนึ่งของโลก รายงานว่ายอดนำเข้าน้ำมันในช่วงสองเดือนแรกของปีลดลง 5% จากปีก่อน  

 

แม้การคว่ำบาตรอิหร่านและรัสเซียเคยส่งผลกระทบต่อปริมาณอุปทาน แต่ปัจจุบันตลาดสามารถปรับตัวได้ผ่านเครือข่ายซัพพลายเงา โดย RBC Capital Markets ระบุว่า ผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรระลอกใหม่ไม่ได้ทำให้ตลาดตึงตัวอย่างมีนัยสำคัญ  

 

อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยที่อาจช่วยพยุงราคาน้ำมันไม่ให้ร่วงลงลึกเกินไป เช่น รัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงเดินหน้าใช้มาตรการกดดันอิหร่าน โดยตั้งเป้าลดปริมาณการส่งออกน้ำมันของอิหร่านลงมากกว่า 90% รวมทั้งสหรัฐฯ กำลังพิจารณาถอนใบอนุญาตของ Chevron ในเวเนซุเอลา ซึ่งอาจทำให้ตลาดสูญเสียน้ำมันอีก 200,000 บาร์เรลต่อวัน  

 

ขณะที่สงครามในตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอลและฮามาสยังเป็นปัจจัยเสี่ยง และรัฐบาลสหรัฐฯ ขออนุมัติงบ 20,000 ล้านดอลลาร์เพื่อเติมคลังสำรองน้ำมันเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งอาจช่วยดูดซับอุปทานบางส่วนออกจากตลาด  

 

ตลาดน้ำมันในช่วงถัดไปอาจไม่ได้รับอิทธิพลจากปัจจัยด้านอุปทานเพียงอย่างเดียว แต่ต้องจับตาสถานการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯ และจีน ซึ่งเป็นสองประเทศที่มีการบริโภคน้ำมันมากที่สุดของโลก  

 

ล่าสุด ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับฐานลงราว 6% จากจุดสูงสุดในรอบไม่กี่สัปดาห์ ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ ร่วงลงแรงสุดนับตั้งแต่ปี 2021 ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ร่วงตามไปด้วย  

 

Aldo Spanjer นักกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์อาวุโสจาก BNP Paribas มองว่า ความกังวลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และมาตรการกีดกันทางการค้าของทรัมป์ กำลังทำให้บรรดานักลงทุนในตลาดน้ำมันยิ่งมีมุมมองเชิงลบมากขึ้น

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising