×

โอม COCKTAIL ออกแถลงการณ์แจงรายละเอียดกรณี #แสตมป์อภิวัชร์

21.01.2025
  • LOADING...

สืบเนื่องจากกรณีของ แสตมป์-อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข นักร้องชื่อดัง ที่เปิดใจถึงกรณีการฟ้องร้องของเขาและภรรยาอย่าง นิว-จีริสุดา ศรีวัฒน์ จนเกิดเป็นกระแสในโลกโซเชียลมากมายตลอดหลายวันที่ผ่านมา ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับ Sound Engineer ประจำวง Tilly Birds อีกทั้งเรื่องราวบางส่วนยังมีการเชื่อมโยงไปถึงการทำหน้าที่ผู้บริหารค่ายเพลง GeneLab ที่ดูแลโดย โอม-ปัณฑพล ประสารราชกิจ โดยหลังแสตมป์ออกมาแถลงการณ์ถึงเหตุการณ์ดังกล่าวเมื่อวานนี้ (20 มกราคม) และปัจจุบันกรณี #แสตมป์อภิวัชร์ ที่นอกจากจะเป็นประเด็นส่วนตัวทางคดีความ แต่ดูเหมือนเรื่องราวขยายวงไปสู่ประเด็นกฎหมายมาตรา 112 ที่สังคมกำลังจับตามอง 

 

 

ล่าสุดในวันนี้ (21 มกราคม) โอม-ปัณฑพล ประสารราชกิจ หรือ โอม COCKTAIL นักร้องและผู้บริหารค่ายเพลง GeneLab ต้นสังกัดของวง Tilly Birds อีกหนึ่งวงที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์และมีส่วนเกี่ยวข้องในกรณีดังกล่าว ออกแถลงการณ์ในฐานะตัวแทนของค่ายพร้อมข้อความดังนี้

 

“ได้อ่านความเห็นของหลายท่านเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น จึงขอถือโอกาสนี้สรุปข้อเท็จจริงในฐานะตัวแทนค่ายครับ

 

เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นในระยะเวลาประมาณ 2 ปี ทางค่ายและวง Tilly Birds ได้รับแจ้งจากพี่แสตมป์ว่ามีปัญหาระหว่างฝ่ายพี่แสตมป์และ Sound Engineer ของวง อันเนื่องมาจากประเด็นชู้สาว ซึ่งพี่แสตมป์เล่ารายละเอียดไปจนถึงต้นเหตุของความผิดใจระหว่างสองฝ่ายตามที่ทุกท่านได้ทราบตามข่าว และยังแจ้งต่อไปว่ามีการพบกัน วิวาท รวมถึงมีการพูดพาดพิงกันในทางเสียหาย เป็นไปได้หรือไม่ที่จะขอให้พูดคุยกับบุคคลดังกล่าว ในเบื้องต้นผมรับเรื่องเอาไว้แต่ได้กล่าวไปว่า Engineer นั้นไม่ใช่ลูกจ้างของค่าย แต่เป็นบุคลากรของวง ทางค่ายจึงไม่มีอำนาจในการจัดการโดยตรง แต่จะสอบถามให้ และแจ้งไปว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนตัวอย่างมาก และผมในฐานะคนกลางยังไม่สามารถออกความเห็นได้ทันทีครับ

 

หลังจากนั้นเมื่อสอบถามเรื่องราวจากฝั่ง Sound Engineer และแฟน จึงพบว่าเรื่องราวนั้นขัดแย้งกันอย่างมาก และทั้งสองฝ่ายมิได้มีหลักฐานที่จะอ้างอิงเรื่องราวที่กล่าวอ้างได้เลย ในเบื้องต้นจึงทำการตักเตือนไปว่า ห้ามวงเข้าไปยุ่งเกี่ยวในเรื่องดังกล่าว หากไม่ใช่กรณีที่พนักงานของวงกระทำความผิดต่อหน้าที่ ที่เราสามารถลงโทษได้ เรื่องอื่นใดถือเป็นเรื่องส่วนตัวที่เขาต้องจัดการด้วยตนเอง มิให้ถือข้างหรือตัดสินใดๆ ไปก่อน เพราะธรรมดาเรื่องเกี่ยวข้องกับความรัก หรือปัญหาภายในครอบครัวนั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซับซ้อน อาจมองได้หลายมุม และที่สำคัญเป็นเรื่องภายในบ้าน

 

หลังจากนั้นจึงทำการติดต่อพี่แสตมป์อีกครั้ง และแนะนำไปว่าควรนำเรื่องราวเข้าสู่กระบวนการของศาล และนำเอาพยานหลักฐานของตนเข้าต่อสู้กัน โดยพี่แสตมป์แสดงความกังวลว่า ระหว่างทางคู่กรณีอาจใช้โอกาสนี้ในการพูดหรือให้ร้ายตนและภรรยาได้ และตนไม่สบายใจจากการข่มขู่ ผมจึงทำการรับรองไปว่าจะกำกับและดูแลไม่ให้มีการพูดถึงกัน ไม่ว่าในสื่อใดและช่องทางใดในขอบเขตที่ผมมีอำนาจ ในระหว่างที่มีการพิพาทกันในชั้นศาล เนื่องจากเห็นความสำคัญว่าคดีดังกล่าวเป็นคดีส่วนบุคคล ไม่ควรมีผู้ใดล่วงรู้ ทั้งนี้ รายละเอียดในการพิจารณาคดีหรือการพิพาทใดๆ หลังจากนั้นทางเราไม่ได้รับทราบอีกต่อไป

 

หลังจากนั้นเวลาผ่านไป ไม่ได้มีการติดต่อใดๆ จากฝั่งพี่แสตมป์อีก จนกระทั่งพี่แสตมป์ติดต่อมาว่าตนชนะคดีแล้ว และได้รับค่าเสียหายในคดีฟ้องชู้ รวมถึงมีคำสั่งของศาลมิให้ทั้งสองฝ่ายพูดถึงกันในทางเสียหายอีกต่อไป ซึ่งสิ่งนี้น่าจะพิสูจน์ได้ว่าเรื่องชู้ที่พี่แสตมป์กล่าวอ้างเป็นเรื่องจริง ขอให้แจ้งกับ Tilly Birds เพื่อรับทราบ เพื่อจะได้จัดการประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นต่อไป ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับคดีคุกคามมิได้ถูกกล่าวถึง และมิได้มีคำสั่งเกี่ยวกับการห้ามเข้าใกล้ เมื่อผมแจ้งกับ Tilly Birds ความปรากฏต่อไปว่า Sound Engineer และแฟน ยืนยันว่ามิได้แพ้คดี แต่ยอมประนีประนอมยอมความเพียงเพื่อให้เรื่องจบ และตนมิได้เป็นชู้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการพิพาทต่อไป ผมจึงแจ้งพี่แสตมป์ว่าให้หลีกเลี่ยงการใช้คำว่าชนะคดีซึ่งมีความหมายกว้าง แต่ให้เลือกแจ้งคนโดยทั่วไปว่า คดีจบลงโดยการประนีประนอมยอมความโดยฝ่ายจำเลยยอมชำระค่าเสียหาย ซึ่งมีความหมายตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายไม่สามารถนำเอาข้อดังกล่าวมาโต้แย้งพี่แสตมป์ได้อีก ในขณะนั้นผมตระหนักว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของการไม่ยอมรับและเป็นความเชื่อที่ทางค่ายไม่สมควรเข้าไปก้าวล่วง และในเมื่อมีคำสั่งศาลให้ทั้งสองฝ่ายไม่พูดถึงกันอีกต่อไป ผมจึงคิดว่าทั้งสองฝ่ายจะต่างคนต่างอยู่ และไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีกต่อไปแล้ว ทั้งนี้ กำชับกับ Tilly Birds อีกครั้งว่าไม่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวใดๆ ทั้งสิ้น โดยฝ่าย Sound Engineer ให้คำมั่นว่ามีความตั้งใจจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีกต่อไป ในขณะนั้นทางค่ายเกิดความสบายใจ เพราะไม่ว่าสถานะของความเป็นชู้นั้นจะจริงหรือไม่ ไม่ว่าใครจะเชื่ออย่างไร มิได้สำคัญ เพราะต่างคนสามารถที่จะแยกย้ายไปมีชีวิตหรือทำงานในส่วนของตัวเองได้แล้ว

 

เวลาผ่านไประยะใหญ่ ทางเราได้ยินประปรายว่าพี่แสตมป์มีความไม่สบายใจจากการพบเจอ Sound Engineer ตามงานต่างๆ จากบุคลากรในสายงานหลายท่าน โดยพี่แสตมป์บอกเล่าเรื่องราวชู้สาวของตนเองให้กับหลายท่านทราบ และพี่แสตมป์ติดต่อมาผ่านผู้ใหญ่ในวงการท่านอื่นว่ามีความไม่สบายใจที่พบเจอแฟนของ Sound Engineer ในงาน Monster Music Festival ที่ในขณะนั้นมาช่วยงานที่บูธของศิลปิน เป็นไปได้หรือไม่ที่จะไม่ให้บุคคลดังกล่าวเข้ามาทำงาน ผมยอมรับว่าเพิกเฉยต่อคำขอ เนื่องจากไม่สามารถใช้ความไม่สบายใจส่วนบุคคล ไปจำกัดสิทธิ์ของ Tilly Birds ในการเลือกบุคลากรที่จะมาช่วยงานได้ โดยเราไม่ทราบมาก่อนว่านอกจากความไม่สบายใจแล้วยังมีเรื่องพิพาทของสองฝ่ายดำเนินอยู่ ประกอบกับไม่ได้รับรายงาน หรือพยานหลักฐานใดๆ เพิ่มเติมเลยว่า มีการพิพาทระหว่างสองฝ่ายเกิดขึ้นภายหลัง

 

ในเวลาต่อมาหลังจากมีการพูดของพี่แสตมป์บนเวทีงานคอนเสิร์ตอันเป็นประเด็นให้ถกเถียงนั้น ข้อเท็จจริงจำนวนมากเปลี่ยนแปลงไปจากที่เข้าใจ ประเด็นบางส่วนถูกข้ามไป และบางส่วนถูกเพิ่มเติมขึ้นมา นำมาสู่ประเด็นปัญหาจนกลายเป็นข้อถกเถียงลุกลามอย่างที่ทุกท่านได้ทราบกัน จนความเสียหายลามมาถึงค่ายและ Tilly Birds

 

ด้วยข้อมูลจำนวนมาก และข้อกล่าวอ้างหลายอย่างเกิดขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ หลายข้อไม่สามารถพิสูจน์ได้ จึงเป็นการยากที่จะมีความเห็นใดๆ จากค่าย

 

ประเด็นเรื่องคุกคามกลายเป็นประเด็นใหม่ ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบพยานบุคคลทั้งบุคคลที่สาม บุคคลภายนอก และพยานแวดล้อมอื่นๆ ค่อนข้างเป็นไปได้ว่าเป็นการพิพาทระหว่างคู่กรณีที่ไม่ถูกกัน เมื่อพบเจอกันก็มีการกระทบกระทั่งกันเป็นธรรมดา ประกอบกับช่วงเวลาที่พี่แสตมป์กล่าวอ้างว่ามีการคุกคามในลักษณะซาแซงบนเวทีนั้นไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่ว่า พี่แสตมป์กับแฟนของ Sound Engineer อาจมีพฤติกรรมคบหากันอยู่ในช่วงเวลาดังกล่าว พี่แสตมป์จึงกลายเป็นพยานบุคคลที่มีน้ำหนักน้อยในเวลานั้น เป็นผลให้ค่ายไม่เทกแอ็กชันใดๆ ในเบื้องต้น เพราะยังไม่อาจเข้าใจเจตนาของพี่แสตมป์ได้เลย เรื่องทั้งหมดที่พี่แสตมป์พูดบนเวทีมีโอกาสจะเป็นเรื่องที่บิดเบือนไปจากข้อเท็จจริง และยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ในข้อใดทั้งสิ้น เนื่องจากไม่มีพยานเอกสารหรือบุคคลรองรับ

 

ต่อมาในคืนก่อนหน้าที่ Sound Engineer ตัดสินใจไปรายการ โหนกระแส ผมปรึกษากับพี่หนุ่ม (หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย) ถึงทิศทางในการพูดคุยเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริงมากที่สุด รวมถึงการชั่งน้ำหนักความน่าเชื่อถือต่างๆ ในรายการ โดยพี่หนุ่มให้ความเห็นไว้หลายข้อ และเมื่อสถานการณ์ ณ ขณะนั้นเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างสองฝั่ง โดยไม่เกี่ยวข้องกับ Tilly Birds อีกต่อไป จึงมิใช่หน้าที่ของค่ายที่จะต้องกำกับดูแลเนื่องจากบุคคลดังกล่าวไม่ใช่พนักงานของค่าย

 

ในเวลาต่อมาเมื่อรายการดำเนินไป ในส่วนของการตอบคำถามในประเด็นข่มขู่ของตัว Sound Engineer นั้น แม้ว่าเจ้าตัวจะมิได้เป็นคนยื่นฟ้อง และมิได้มีส่วนในการใช้พยานหลักฐานบางประเภท ซึ่งแม้จะรวมอยู่ในลักษณะพยานหลักฐานอันเป็นชุดที่ไม่สามารถแยกออกจากกันหรือตัดทอนได้มาต่อรองในการดำเนินคดี แต่เจ้าตัวก็ยืนยันด้วยตนเองว่า ทนายฝั่งแฟนสาวของตนหยิบเอาประเด็นนี้มาใช้ ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าตัวมิเคยกล่าวหรือชี้แจงใดๆ ในรายละเอียดมาก่อนต่อวงหรือค่าย เท่ากับว่าเป็นการรับรองสิ่งที่พี่แสตมป์พูดบนเวทีในข้อนี้โดยไม่โต้แย้ง ซึ่งต่อให้อ้างว่ามิได้มีเจตนา แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธว่าการกระทำดังกล่าวส่งผลให้ความสามารถในการต่อสู้คดีของพี่แสตมป์ในประเด็นอื่นในคดีที่พิพาทกัน และคดีอื่นลดลงอย่างมากเป็นเหตุให้ไม่ได้รับความยุติธรรม ซึ่งในกรณีดังกล่าวทางเราทั้งหมดไม่เห็นด้วยและไม่สนับสนุน

 

ข้อเท็จจริงทั้งหมดนี้ที่เรียนมา ผมถือโอกาสนี้ส่งให้พี่แสตมป์และนิว รวมถึงฝั่งของ Sound Engineer และแฟนสาวรับรองในฐานะคนกลางเพื่อขจัดข้อข้องใจระหว่างสองฝ่ายรวมถึงทางค่าย และขออนุญาตเผยแพร่เพื่อขจัดปัญหาของการตีความอื่นใดของบุคคลภายนอก ขอบพระคุณพี่แสตมป์ นิว และทางฝั่ง Sound Engineer ที่ให้ความกรุณาด้วยครับ

 

ขออภัยทุกท่านที่ออกมาชี้แจงช้า แต่เนื่องจากยากที่จะเขียนเรื่องนี้ให้จบถึงบทสรุปได้ในครั้งเดียว หากเรื่องนี้ไม่จบแล้วจริงๆ หรือปรากฏพยานหลักฐานแล้วจากทุกฝ่าย เกรงว่าต่อให้ชี้แจงไปก่อนหน้านี้ก็รังแต่จะสร้างข้อถกเถียงและความขัดแย้งโดยไม่จำเป็นครับ

 

ขอบพระคุณครับ

 

อ่านประเด็นข่าวที่เกี่ยวข้องได้ที่:

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising