นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกกรรมการ ป.ป.ช. แถลงข่าวผลการไต่สวนคดีเรียกรับเงินที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โอนเงินค่าสนับสนุนสำหรับจัดทำโครงการอบรมพระธรรมทูตเผยแผ่พุทธศาสนา ประจำปี 2558 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือคดีเงินทอนวัด
คดีนี้มีเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนารวม 9 ราย ร่วมกันทุจริตเงินทอนวัดในพื้นที่ภาคใต้จำนวน 3 วัด วัดละ 4 ล้านบาท รวม 12 ล้านบาท โดยมีการตกลงให้ทั้ง 4 วัดทอนเงินให้วัดละ 3.2 ล้านบาท
เลขาฯ ป.ป.ช. อธิบายขั้นตอนการทุจริตว่า นายเสถียร ดำรงคดีราษฎร์ ผู้อำนวยการสำนักงานพุทธศาสนา จังหวัดสงขลา มีหน้าที่ไปเจรจากับวัด หลังจากได้รายชื่อและบัญชีธนาคารของวัดแล้ว ได้เสนอเรื่องให้นางสาวประนอม คงพิกุล อดีตรองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาการจัดสรรงบประมาณเงินอุดหนุนโครงการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
จากนั้นนางสาวประนอมได้เสนอเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมพิจารณาเงินอุดหนุน ทั้งที่ไม่มีเอกสารประกอบโครงการของวัดประกอบการพิจารณา แต่มีการอ้างถึงเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งที่ประชุมก็ได้อนุมัติทั้ง 3 วัดคือ วัดชลธาราวาส อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส, วัดยูปาราม อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา และวัดสุริยาราม อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา โดยมีนายพนม ศรศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติในขณะนั้นรู้เห็นในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมการฯ
อย่างไรก็ตาม ป.ป.ช. ได้ประสานกับตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และจับกุมนายเสถียรได้ระหว่างรับเงินทอนจากวัดชลธาราวาส โดยมีหลักฐานเป็นเงินสด 3.2 ล้านบาท
เมื่อนายเสถียรถูกจับกุม นางสาวประนอมมีการโทรศัพท์แจ้งให้เจ้าหน้าที่จัดทำเอกสารโครงการเท็จ เพื่อยืนยันว่าจะนำเงินที่เรียกคืนจาก 3 วัดไปใช้ในโครงการ
แม้ภายหลังจะสามารถติดตามเงินทั้ง 12 ล้านคืนมาได้ แต่ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดผู้เกี่ยวข้องกับคดีนี้ เนื่องจากเห็นว่าเป็นความผิดที่กระทำสำเร็จแล้ว
สำหรับนางสาวประนอมและนายเสถียร ซึ่งถือเป็นผู้เกี่ยวข้องโดยตรงกับการทุจริตเงินทอนวัดครั้งนี้ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
ส่วนนายพนม ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา ถูกชี้มูลความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และใช้ตำแหน่งหน้าที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ
นอกจากนี้ยังมีผู้ร่วมขบวนการอีก 6 รายที่ถูกชี้มูลความผิดในครั้งนี้ด้วย หลังจากนี้ ป.ป.ช. เตรียมส่งความเห็นให้อัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีตามขั้นตอนต่อไป