Oasis กลับมาทวงบัลลังก์ตำนานของวงการเพลงอีกครั้ง หลังธุรกิจขายแผ่นเสียงในประเทศอังกฤษ HMV เปิดเผยว่า หลังจากพวกเขาประกาศรวมวงจัดคอนเสิร์ตในอังกฤษและไอร์แลนด์ในวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา ทำให้ยอดขายแผ่นไวนิลและซีดีพุ่งสูงขึ้นกว่า 526%
HMV ระบุว่า ยอดขายของอัลบั้ม Definitely Maybe เพิ่มขึ้น 443% ส่วนอัลบั้ม (What’s the Story) Morning Glory? และ Knebworth 1996 เพิ่มขึ้น 684% และ 209% ตามลำดับ ยิ่งไปกว่านั้นแล้ว ยอดขายอัลบั้ม Definitely Maybe ฉบับครบรอบ 30 ปีที่ปล่อยหลังจากประกาศรวมวงเพียง 1 วัน ก็มียอดสั่งจองล่วงหน้าเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าด้วย
Phil Halliday กรรมการผู้จัดการของ HMV กล่าวว่า “Oasis เป็นวงดนตรีที่โด่งดังและมีอิทธิพลเชิงบวกต่อวงการดนตรีของอังกฤษ ยอดขายทั้งหน้าร้านและออนไลน์ในสัปดาห์ที่ผ่านมาพิสูจน์ว่าพวกเขาได้รับความนิยมไปทั่วประเทศ และยังเป็นเรื่องดีมากที่ผู้คนกลับมาฟังแผ่นเสียงของพวกเขา” แน่นอนว่ายอดขายเหล่านี้ยังบ่งบอกได้ดีว่าพวกเขามีทั้งฐานแฟนเพลงรุ่นเก่า รวมทั้งคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งได้ทำความรู้จักพวกเขาด้วยเช่นกัน
ความทรงอิทธิพลของ Oasis ไม่ได้หยุดอยู่แค่ที่เพียงยอดขายเท่านั้น แต่ทาง Spotify เผยว่า หลังจากที่พวกเขารวมวง จำนวนการสตรีมเพลงต่อวันของ Oasis เพิ่มขึ้น 690% ทั่วโลก ส่วนเพลย์ลิสต์ This Is Oasis ก็เป็นเพลย์ลิสต์ที่คนฟังเยอะที่สุดในสหราชอาณาจักร ในขณะเดียวกันแฮชแท็ก #OasisReunion บน TikTok มียอดเอ็นเกจเมนต์เพิ่มขึ้น 101% ในช่วง 7 วันมานี้ และยังมียอดเข้าชมสูงถึง 109 ล้านครั้งในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
Birmingham City University ยังคาดการณ์ว่าทัวร์คอนเสิร์ตกว่า 17 รอบในปี 2025 จะทำรายได้สูงถึง 400 ล้านปอนด์จากการขายตั๋วและส่วนเสริมอื่นๆ และหลังจากนี้มันจะกลายเป็นคอนเสิร์ตที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างมหาศาล ทั้งจากการเดินทาง โรงแรม และร้านอาหารที่อยู่รอบๆ เมืองด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ ตั๋วคอนเสิร์ตของ Oasis ที่มีจำนวนมากกว่า 1 ล้านใบถูกขายหมดแล้วในระยะเวลาเพียง 10 ชั่วโมงเท่านั้น และยังมีสื่อหลายแห่งเปิดเผยอีกด้วยว่ามีผู้เข้าคิวกดคอนเสิร์ตเกือบครึ่งล้าน ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน Oasis ยังเป็นวงที่สร้างปรากฏการณ์ให้กับโลกดนตรีเสมอมา
ภาพ: Oasis
อ้างอิง: