วันนี้ (6 ตุลาคม) ดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการบริหารจัดการสถานการณ์น้ำในปีนี้ ว่า ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีปริมาณน้ำฝนตกค่อนข้างมากกว่าปกติในพื้นที่ภาคเหนือ จึงทำให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าสู่เขื่อนเศรษฐกิจมากกว่าเดิม
แต่จากการหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา อาจจะต้องมีการปรับการระบายน้ำใน 2 เขื่อนหลัก ทั้งเขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนภูมิพล ที่สัปดาห์ก่อนปล่อยน้ำ 2 เขื่อนรวมกันไม่เกิน 30 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน แต่ในช่วง 2 วันที่ฝนตกผิดปกติ จึงต้องมีการปรับ ปริมาณการปล่อยน้ำเพิ่ม เป็น 40-50 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน
รวมถึงต้องดูวันที่ 7-8 ตุลาคมนี้ ที่จะมีปริมาณฝนตกลงมาเพิ่มเติมว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร โดยอาจจะมีการปรับการระบายน้ำเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้น้ำที่ไหลลงมาเขื่อนเจ้าพระยา ความเร็วอยู่ที่ 2,500-2,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และระดับไม่เกิน 17 เมตร เบื้องต้นในการพูดคุยกับทางกรมชลประทานจะมีการตัดยอดน้ำ และจะประเมินอีกครั้งใน 2 วัน ข้างหน้า
เลขาฯสทนช.ยังระบุอีกว่า หัวใจสำคัญของการบริหารจัดการ คือ การประมาณการน้ำฝน ซึ่งขณะนี้ยังไม่แน่นอน โดยจะต้องมีการติดตามอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ หากประเมินสถานการณ์น้ำภาพรวมปี 2568 เทียบกับปี 2554 ตัวเลขต่ำกว่า และปริมาณน้ำช่องว่างที่กักเก็บในเขื่อน ก็มากกว่าปี 2554 ฉะนั้นก็อาจจะไม่ต้องกังวล ว่าจะเกิดถึงขั้นปี 54
ส่วนจะมีพื้นที่กรุงเทพมหานครใดที่น่ากังวล เลขาฯ สทนช. ระบุว่า พื้นที่ที่อยู่นอกคันกั้นน้ำ เพราะจะทำให้น้ำเข้าท่วม ซึ่งขณะนี้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รวมไปถึงกรุงเทพมหานครอยู่ระหว่างการเตรียมการป้องกัน