มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) ของ NVIDIA เพิ่มขึ้นถึง 3.5 แสนล้านดอลลาร์ หรือราว 12.6 ล้านล้านบาท นับตั้งแต่รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการซื้อขายในตลาดออปชัน จนทำให้มูลค่าของ NVIDIA พุ่งขึ้นแตะระดับ 2.69 ล้านล้านดอลลาร์ ณ วันศุกร์ที่ผ่านมา (31 พฤษภาคม) ซึ่งมากกว่ามูลค่าของบริษัทอย่าง JPMorgan, Berkshire Hathaway และ Meta รวมกัน
แม้ว่านักลงทุนหลายรายจะเข้ามาลงทุนใน NVIDIA เพราะผลประกอบการที่แข็งแกร่ง แต่นักวิเคราะห์มองว่าการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมามีลักษณะของปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Gamma Squeeze ซึ่งหมายถึงการซื้อ Call Option จำนวนมาก
Call Option เป็นตราสารอนุพันธ์ที่ให้สิทธิ์ผู้ซื้อในการซื้อหุ้นในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า และสามารถทำกำไรได้หากราคาหุ้นเพิ่มขึ้น ส่งผลให้โบรกเกอร์ในฝั่งตรงข้ามของการซื้อขาย ต้องซื้อหุ้นในตลาดเพื่อป้องกันความเสี่ยงของตนเอง
ราคาหุ้น NVIDIA ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนที่มองโลกในแง่ดีซื้อ Call Option มากขึ้นเรื่อยๆ บังคับให้โบรกเกอร์ต้องซื้อหุ้น NVIDIA เพิ่มเติม ส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทสูงขึ้น ซึ่งจะเพิ่มความต้องการ Call Option
Steve Sosnick หัวหน้านักยุทธศาสตร์ของ Interactive Brokers กล่าวว่า Gamma Squeezes ต้องมีปัจจัยกระตุ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกำไรที่ดีกว่าคาด นักวิเคราะห์ปรับเพิ่มประมาณการ และการแตกพาร์ ล้วนเป็นตัวกระตุ้นที่อาจเกิดขึ้นได้
Aswath Damodaran ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก และผู้เชี่ยวชาญด้านการประเมินมูลค่าหุ้น กล่าวว่า “ถ้าคุณกำลังออกแบบหุ้นโมเมนตัมที่สมบูรณ์แบบ NVIDIA ก็จะเป็นเช่นนั้น” โดยอ้างถึงบริษัทที่ได้รับการผลักดันขึ้นจากผลการดำเนินงานในอดีตของพวกเขาเอง
ด้าน Josh Brown ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Ritholtz Wealth Management กล่าวว่า เมื่อ Microsoft ประกาศการใช้จ่ายเงินทุนจำนวนมหาศาล ขณะที่ NVIDIA เป็นผู้รับการใช้จ่ายเงินทุนนั้น หุ้นทั้งสองก็พุ่งขึ้นอย่างไม่สิ้นสุดในข่าวเดียวกัน
“มันคือม้าหมุนที่กินโมเมนตัมของตัวเอง และทุกคนก็มีช่วงเวลาที่ดีในชีวิต จนกระทั่งม้าตัวใดตัวหนึ่งของม้าหมุนนั้นสะดุดล้ม หรือ CFO บางแห่งดูที่การใช้จ่าย เปรียบเทียบกับผลตอบแทนจากการลงทุนจริง และตัดสินใจที่จะชะลอสิ่งต่างๆ ลง” Brown กล่าวเพิ่มเติม
อ้างอิง: