หากเอ่ยชื่อ NVIDIA เชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้จัก หรืออย่างน้อยก็น่าจะคุ้นหูกันอยู่บ้าง โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาที่กระแสของเทคโนโลยี AI กำลังแพร่กระจายไปทั่วโลก
สำหรับใครที่อาจจะยังไม่รู้จัก NVIDIA นี่คือบริษัทที่มีมูลค่า 3.4 ล้านล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 119 ล้านล้านบาท ใหญ่กว่า GDP ประเทศไทย 6 เท่า ผู้ผลิตชิป GPU ที่อยู่เบื้องหลังการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยี AI ในเวลานี้
วันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา Jensen Huang ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง NVIDIA เดินทางมาเยือนประเทศไทย เพื่อลงนามแถลงความร่วมมือกับ SIAM.AI CLOUD ในฐานะบริษัทไทยรายแรกที่เป็นพาร์ตเนอร์กับ NVIDIA เพื่อร่วมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี AI โดยเฉพาะการสร้าง Sovereign AI ในประเทศไทย
นอกจากพิธีลงนามที่มีลูกเล่นเล็กน้อย โดยการให้หุ่นยนต์ที่มีขนาดและลักษณะใกล้เคียงกับคนจริงถือถุงที่ข้างในมีเสื้อแจ็กเก็ตมามอบให้กับ Jensen หลังจากนั้นก็เป็นการพูดคุยกันถึงพัฒนาการของเทคโนโลยี AI ในไทย
ไทยเป็น 1 ใน 20 ประเทศที่เริ่มวางรากฐาน AI
Jensen กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศที่ให้ความสำคัญกับการเริ่มต้นวางรากฐานของอุตสาหกรรม AI ให้กับประเทศของตัวเองมีอยู่เพียงประมาณ 20 ประเทศเท่านั้น ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศอันดับต้นๆ ที่ริเริ่มการวางรากฐานนี้
Jensen บอกว่า “ไม่มีอนาคตสำหรับประเทศใดก็ตามที่ไม่มีโครงสร้างพื้นฐานของ AI”
โลกที่พวกเราอยู่ในทุกวันนี้ กำลังอยู่ในช่วงจุดเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญของเทคโนโลยี ซึ่งทุกคนจำเป็นต้องลงทุนในปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ประจำชาติของตนเอง โดยมีหลักสำคัญ 3 ประการด้วยกัน
- เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์กำลังเข้าสู่ช่วงการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ ซึ่งจะทำให้ทุกคนเริ่มต้นจากจุดศูนย์กลางเดียวกันอย่างเท่าเทียม ทำให้นี่เป็นโอกาสที่เท่าเทียมสำหรับทุกประเทศในการผลักดันตัวเองขึ้นมาเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยี AI
- AI ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างทางสังคม โดยมันจะกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานใหม่ของอุตสาหกรรมต่างๆ ในอนาคต เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมพลังงาน การเริ่มวางโครงสร้างพื้นฐานของ AI ในวันนี้ จะนำไปสู่การที่ประชาชนชาวไทยทุกคนสามารถเข้าถึง AI ได้อย่างง่ายดาย
- เหมือนดั่งที่การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งก่อนนำมาสู่จุดเริ่มต้นของอุตสาหกรรมพลังงาน ขณะนี้อุตสาหกรรม AI จะสร้างสิ่งใหม่ที่เรียกว่า ‘สติปัญญา’ (Intelligence) ซึ่งอาจมองไม่เห็นด้วยตา แต่สามารถใช้ประโยชน์ได้ นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่จะเปลี่ยนแปลงโลก
Jensen มองว่า ในอีก 3 ปีข้างหน้า เทคโนโลยี AI จะแทรกซึมอยู่ทุกที่ และในความเป็นจริงแล้ว เด็กๆ ที่กำลังเติบโตขึ้นมาจะไม่มีใครไม่เข้าใจ AI ขณะเดียวกันพวกเขาไม่ใช้การเสิร์ชอีกต่อไป พวกเขาจะคุยกับ AI แทน
‘ข้อมูล’ สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับ AI
“ส่วนที่สำคัญที่สุดของ AI คือข้อมูล และข้อมูลในประเทศไทยก็เป็นของคนไทย มันคือทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งองค์ความรู้ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม สามัญสำนึก ซึ่งควรจะถูกเก็บเกี่ยวโดยคนไทยเพื่อสร้าง Sovereign AI ของประเทศไทย” Jensen กล่าว
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเหล่านี้จำเป็นจะต้องถูกนำมาใช้ด้วย ขณะเดียวกันคนรุ่นใหม่ในประเทศก็จำเป็นจะต้องพัฒนาทักษะและความรู้ด้าน AI ขึ้นมามากขึ้น ซึ่ง Jensen เชื่อมั่นว่า AI จะช่วยปลดล็อกศักยภาพทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยได้ แต่สิ่งสำคัญคือการนำความรู้ด้าน AI ไปใส่ไว้กับทุกๆ มหาวิทยาลัย
Jensen บอกว่า NVIDIA ร่วมมือกับ 40 มหาวิทยาลัยในไทยเพื่อสร้าง เพื่อสอน และเพื่อเปิดให้นักศึกษาได้เรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี AI รวมทั้งการร่วมมือกับสตาร์ทอัพด้าน AI เกือบ 60 แห่ง เพื่อช่วยให้ธุรกิจเหล่านี้เข้าถึงเทคโนโลยีของ NVIDIA และสร้าง AI ของตัวเองขึ้นมาได้
“NVIDIA มาเพื่อช่วยประเทศไทยพัฒนา Thai AI และเปิดตัว ThaiGPT ผมเชื่อว่าไทยจะกลายเป็นหนึ่งในผู้นำด้านเทคโนโลยีของโลก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเติบโตด้วยอุตสาหกรรมใหม่” Jensen กล่าว
ข้อความจาก Jensen ถึงคนรุ่นใหม่ที่กำลังหมดไฟ
นอกจากมุมมองเกี่ยวกับเทคโนโลยี AI แล้ว Jensen ได้ให้มุมมองเกี่ยวกับอาการหมดไฟที่อาจกำลังเกิดขึ้นกับคนรุ่นใหม่ในประเทศไทย
Jensen ตั้งคำถามว่า คุณจะเกิดอาการหมดไฟ หรือ Burnout ได้อย่างไร หากคุณกำลังเพลิดเพลินไปกับสิ่งที่ทำอยู่
Jensen บอกว่า อาการหมดไฟจะเกิดขึ้นหากคุณนึกถึงอนาคตที่คุณไม่มีวันไปถึง พร้อมเปรียบอาการหมดไฟกับการเดินทางไปยังจุดหมาย หากเราเพลิดเพลินกับการเดินทางและโฟกัสอยู่กับปัจจุบัน โดยไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องไปถึงจุดอื่น อาการหมดไฟจะไม่เกิดขึ้น
“สิ่งที่จะช่วยได้คือการเพลิดเพลินไปกับปัจจุบัน เพลิดเพลินไปกับการเดินทาง เพลิดเพลินไปกับสิ่งที่ทำ โดยไม่ต้องกังวลในผลลัพธ์ ขณะเดียวกันการมองหาจุดมุ่งหมายของสิ่งที่ทำก็ช่วยได้ โดยเฉพาะการให้ การแบ่งปัน การสร้างแรงบันดาลใจ และการใช้ชีวิต” Jensen กล่าว