วานนี้ (25 สิงหาคม) ที่ลานหน้าที่ว่าการอำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส. แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ระบุว่า อยากให้คนไทยสามัคคีกัน
ณัฐพงษ์กล่าวว่า ถ้าดูจุดยืนทางการเมืองในอดีตที่ผ่านมา ก็จะพบว่าตอนนี้รัฐบาลอาจยังไม่ได้มาทำงานร่วมกันกับพรรคประชาชนในปัจจุบันเท่าไร ซึ่งถ้าหากบอกตอนนี้ก็คงจะเร็วไป เพราะการเลือกตั้งปี 2570 ยังเหลือเวลาอีก 3 ปี คิดว่ายังมีโอกาสที่หลายพรรคการเมือง ถ้าได้รับฟังเสียงสะท้อนจากพ่อแม่พี่น้องประชาชน อาจมีโอกาสเปลี่ยนจุดยืนแล้วมาอยู่ข้างประชาชนมากขึ้น
“ถึงตอนนั้นในการเลือกตั้งปี 2570 ผลการเลือกตั้งจะออกมาเป็นอย่างไร แล้วค่อยออกมาบอกกล่าวพูดคุยกันว่าพรรคการเมืองไหนที่สามารถทำงานกับพรรคประชาชนได้ น่าจะเป็นจังหวะที่เหมาะที่สุด”
เมื่อสื่อมวลชนถามว่า การที่ทักษิณออกมาเล่นเองแบบนี้จะทำให้พรรคประชาชนทำงานลำบากขึ้นหรือไม่ ณัฐพงษ์กล่าวว่า ไม่คิดว่าเป็นอย่างนั้น เราอยากจะให้ แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริง อยากจะให้แสดงศักยภาพด้วยตัวเอง อันนี้ก็เป็นสิ่งที่ฝากด้วยความหวังดีและให้กำลังใจ
ส่วนที่ทักษิณพูดว่า ครอบครองแต่ไม่ครอบงำ ณัฐพงษ์ระบุว่า 2 คำนี้ใกล้เคียงกัน แต่ส่วนตัวแล้วครอบครองน่ากลัวกว่าครอบงำด้วยซ้ำ ส่วนคนจะไปยื่นตรวจสอบหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อยากให้ใช้มาตรฐานเดียวกันกับสิ่งที่พวกเราเคยโดนกระทำมาด้วย ถ้าปฏิบัติด้วยมาตรฐานเดียวกันก็ไม่ได้มีอะไรน่าห่วงใยมากกว่านั้น
ปูดซื้อเสียงนายก อบจ.ราชบุรี
ณัฐพงษ์ยังเปิดเผยถึงการหาเสียงเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ราชบุรี ของพรรคประชาชน โดยระบุว่า กระแสตอบรับดีมาก สองข้างทางที่ลงไป ชาวบ้านก็โบกไม้โบกมือมาให้กันทั้งหมด ลงพื้นที่ไปที่ไร่สวน ชาวบ้านอยู่ข้างในลึกๆ ได้ยินเสียงรถแห่ก็ส่งเสียง ส่งกำลังใจมาให้
ณัฐพงษ์มองว่า สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คืออยากสื่อสารให้ชาวราชบุรีที่ไปทำงานอยู่ต่างจังหวัด อยากให้กลับมาใช้สิทธิใช้เสียงกันในวันที่ 1 กันยายนนี้ สำคัญที่สุดคือจำนวนสัดส่วนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง
สำหรับข้อกังวลของในการเลือกตั้งนายก อบจ. ณัฐพงษ์กล่าวว่า ประกอบไปด้วย 2 ข้อ ข้อแรก ในพื้นที่เราเริ่มได้ยินว่ามีการซื้อสิทธิขายเสียงกันบ้าง ซึ่งเป็นเสียงสะท้อนที่ไม่ได้มีหลักฐานชัด แต่ชาวบ้านก็สะท้อนให้ฟังทุกที่ ส่วนข้อที่สอง อยากให้ชาวราชบุรีให้ความสำคัญกับสนามเลือกตั้ง อบจ. นี้ ช่วยกันบอกต่อให้ทุกคนกลับมาใช้สิทธิใช้เสียงกัน
ณัฐพงษ์กล่าวด้วยว่า พวกเราทำหน้าที่อย่างดีที่สุด เรามีความเชื่อมั่นว่าเราชนะในสนามนี้ได้ ถ้าอ้างอิงจากผลการเลือกตั้งปี 2566 จะเห็นว่าคะแนน สส. แบบบัญชีรายชื่อของพรรคก้าวไกลสูงมาเป็นอันดับ 1 จำนวน 230,000 กว่าคะแนน เท่ากับอันดับ 2-5 รวมกัน เพราะฉะนั้น ถ้าเราดูจากคะแนนบัญชีรายชื่อ ซึ่งน่าจะส่งผลโดยตรงกับการเลือกนายก อบจ. ในครั้งนี้ ก็คิดว่าเรามีความหวังเป็นไปได้สูงมาก
“แต่แน่นอนที่สุด สำคัญที่สุด ถ้าเราเปรียบเทียบกับการเลือกตั้งปี 2566 สัดส่วนผู้ออกมาใช้สิทธิของจังหวัดราชบุรีอยู่ที่ 80% ซึ่งปกติการเมืองท้องถิ่นจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิจะน้อย เพราะฉะนั้น ปัจจัยที่สำคัญที่สุดตอนนี้ของพวกเราคือการรณรงค์อย่างหนักและช่วยกันสื่อสารออกไปทั้งประเทศ ให้ประชาชนชาวจังหวัดราชบุรีที่กระจายตัวกันอยู่กลับมาเลือกตั้งให้ได้มากที่สุด” ณัฐพงษ์กล่าว