NSL Foods ผู้ผลิตแซนด์วิชป้อนเซเว่นมากกว่า 1 ล้านชิ้นต่อวัน โกยรายได้แตะพันล้านแต่ยังหนีไม่พ้นพิษของเศรษฐกิจ ที่ ‘สมชาย อัศวปิยานนท์’ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) ย้ำว่าปกติแล้วจะขายดีทุกเดือน
กระทั่งเริ่มเข้าสู่ไตรมาส 2 เริ่มเห็นว่าบรรยากาศการจับจ่ายไม่คึกคักมากนักและยอดขายเริ่มลดลง แต่ถึงอย่างไรยังคาดว่ารายได้จะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้เพียงแค่อาจจะไม่ได้โตหวือหวามากนัก ขณะที่ไตรมาสแรกของปีทำรายได้เกินเป้า
เมื่อมองไกลถึงระยะ 1-3 ปีข้างหน้า มองว่าเทรนด์อาหารในไทยมีแนวโน้มเติบโตแน่นอน เนื่องจากไทยเป็นแหล่งผู้ผลิตอาหารสำคัญของโลกรวมถึงการมีนวัตกรรมและเกษตรกรรมที่มีความหลากหลาย ด้วยตลาดที่กว้างมาก ทำให้ยังมีโอกาสโตได้อีก
สำหรับกลยุทธ์ของ NSL ต้องบอกว่าการทำสินค้าแช่เย็นให้มีอายุ 5-6 วัน ไม่ใช่เรื่องง่าย ที่ผ่านมามีการออกสินค้าใหม่อยู่เป็นระยะๆ ด้วยการชูจุดแข็งสินค้าราคาเข้าถึงง่ายตอบโจทย์ลูกค้า และจากนี้จะมีการพัฒนาสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยพิจารณาจากยอดขายเป็นหลัก
ปัจจุบันสินค้าเรือธงยังเป็นแซนด์วิชแฮมชีสที่ขายดีสุด ผลิตวันละ 1.2 แสนชิ้น และเมื่อไม่นานมานี้ได้คอลแลบกับร้านเนื้อแท้ แบรนด์ร้านอาหารชื่อดังของ ‘โต’ หรือที่หลายคนรู้จักในฐานะอดีตนักร้องนำวง Silly Fools ออกเมนูแซนด์วิชอบร้อนสอดไส้เนื้อ โดยหลังจากวางขายผ่านร้าน 7-Eleven ในสัปดาห์แรกได้รับการตอบรับดีมากจนผลิตไม่พอขาย
สมชายกล่าวต่อไปว่า ในส่วนของแผนงานต่อจากนี้ นอกจากจะให้ความสำคัญกับตลาดในประเทศแล้ว ยังเน้นส่งออกอาหาร Ready Milk และอาหารพร้อมกินแช่แข็ง มุ่งส่งออกไปยังตะวันออกกลาง ตุรกี และยุโรป รวมถึงอเมริกาด้วย แม้จะมีผลกระทบในแง่ภาษีอยู่บ้างแต่ถือเป็นสัดส่วนที่ยังน้อยมาก เพราะได้กระจายความเสี่ยงส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ ด้วย
นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสหาคู่ค้าใหม่ๆ ด้วยการนำทัพสินค้ากว่า 300 รายการไปออกบูธในงาน THAIFEX – Anuga Asia 2025 ซึ่งจะเป็นการโชว์นวัตกรรมและวิสัยทัศน์ขององค์กรเพื่อต่อยอดไปสู่การเติบโตในอนาคต
เมื่อมาดูที่ผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2568 กลุ่ม NSL บริษัทมีรายได้จากการขายอยู่ที่ 1,705.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า 362.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.0% ยอดขายที่เพิ่มขึ้นมาจากตลาดในประเทศและส่งออก ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 172.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 42.3 ล้านบาท ปัจจุบันสัดส่วนรายได้มาจากช่องทางร้าน 7-Eleven 85% ที่เหลืออีก 15% เป็นช่องทางขายจากร้านอาหารและโรงแรม
อย่างไรก็ตาม สมชายย้ำว่าปัจจัยที่ทำให้บริษัทโตขึ้นทุกปีเพราะมีสินค้าหลายกลุ่มไม่ได้มีแค่ฮีโร่โปรดักต์แซนด์วิชอบร้อนอย่างเดียว และกลยุทธ์ของเราถ้าออกสินค้าตัวไหนแล้วไม่ปังก็หยุดขายแล้วทำตัวใหม่ขึ้นมาแทน