×

‘พาณิชย์’ เผย คลายล็อกดาวน์-ราคาน้ำมันโลก ดันเงินเฟ้อเดือน พ.ย. พุ่ง 2.71% คาดปีหน้าเคลื่อนไหวในกรอบ 0.7-2.4%

03.12.2021
  • LOADING...
เงินเฟ้อเดือน พ.ย.

กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือนพฤศจิกายน 2564 ปรับตัวสูงขึ้น 2.71% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามการสูงขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงขายปลีกในประเทศ ประกอบกับฐานราคาปีที่ผ่านมาอยู่ระดับต่ำ รวมถึงราคาผักสดที่ยังคงได้รับผลกระทบจากอุทกภัยจากช่วงที่ผ่านมา ขณะที่เนื้อสุกร อาหารบริโภคในบ้าน-นอกบ้าน และเครื่องประกอบอาหาร ราคาปรับสูงขึ้นตามต้นทุน

 

รณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า ระบุว่า เงินเฟ้อที่ขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนตุลาคม ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ทั้งมาตรการด้านการท่องเที่ยวและมาตรการสนับสนุนให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยในประเทศ ที่ส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมและกำลังซื้อของประชาชนปรับตัวดีขึ้น

 

ทั้งนี้ ทิศทางของเงินเฟ้อดังกล่าวสอดคล้องกับเครื่องชี้วัดทางเศรษฐกิจทั้งด้านอุปสงค์และอุปทาน ด้านอุปสงค์สะท้อนได้จากยอดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้าและมูลค่าการส่งออกที่ยังคงขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างที่สูงขึ้น 10.4% จากร้อยละ 10% ในเดือนก่อนหน้า และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคต (3 เดือนข้างหน้า) ที่กลับมาอยู่ในระดับความเชื่อมั่นอีกครั้ง จากระดับ 48.8 มาอยู่ที่ระดับ 50.7 ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมมีทิศทางที่ดีขึ้น จากระดับ 43.4 มาอยู่ที่ระดับ 45.2 ซึ่งต่ำกว่าระดับความเชื่อมั่นเล็กน้อย ส่วนด้านอุปทานสะท้อนได้จากอัตราการใช้กำลังการผลิตและดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมที่ปรับเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับดัชนีราคาผู้ผลิตที่สูงขึ้น 8.5% จาก 6.9% ในเดือนก่อนหน้า

 

สำหรับเงินเฟ้อพื้นฐาน (เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออกแล้ว) สูงขึ้น 0.29% (YoY) จาก 0.21% ในเดือนก่อน เงินเฟ้อทั่วไปเมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม 2564 สูงขึ้น 0.28% (MoM) และเฉลี่ย 11 เดือน (มกราคม-พฤศจิกายน) ปี 2564 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สูงขึ้น 1.15% (AoA) (ใกล้เคียงกับที่กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ไว้ว่าเงินเฟ้อเฉลี่ยในปี 2564 จะอยู่ระหว่าง 0.8-1.2%)

 

รณรงค์ยังกล่าวถึงทิศทางเงินเฟ้อในเดือนธันวาคม 2564 ว่า มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนที่ผ่านมา สาเหตุสำคัญมาจากสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ ราคาน้ำมันที่ทรงตัวในระดับสูงและมีทิศทางเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ซึ่งกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้าและค่าขนส่ง ส่วนราคาสินค้าในกลุ่มอาหารมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่องตามความต้องการ ปริมาณผลผลิต ต้นทุนและวัตถุดิบ ประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐในหลากหลายรูปแบบที่ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อผู้บริโภค ผู้ประกอบการ และระบบเศรษฐกิจในภาพรวม

 

ขณะเดียวกัน การส่งออกที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องและการท่องเที่ยวซึ่งมีทิศทางที่ดีขึ้น ก็อาจส่งผลต่อราคาสินค้าและบริการและกระทบต่อเงินเฟ้อของไทยได้อย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์ใหม่ (Omicron) ที่สร้างความกังวลไปทั่วโลก ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงซึ่งจะต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดต่อไป

 

กระทรวงพาณิชย์ยังประเมินทิศทางเงินเฟ้อปี 2565 ว่าจะมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น โดยมีปัจจัยสำคัญจากการปรับตัวดีขึ้นของอุปสงค์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตามการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ที่ได้รับแรงสนับสนุนจากการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยว การส่งออกสินค้า และการผลิต รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐในรูปแบบต่างๆ ซึ่งจะส่งผลดีต่อกำลังซื้อของประชาชน

 

นอกจากนี้ อุปสงค์ด้านพลังงานที่เพิ่มขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวจะส่งผลต่อราคาน้ำมันเชื้อเพลิงขายปลีกในประเทศ ซึ่งมีสัดส่วนในตะกร้าเงินเฟ้อค่อนข้างมาก สำหรับด้านอุปทานที่จะส่งผลบวกต่ออัตราเงินเฟ้อ ได้แก่ ราคาอาหารสดที่น่าจะยังขยายตัวต่อเนื่อง ตามความต้องการและสภาพอากาศที่กระทบต่อผลผลิต และสินค้าในหมวดอื่นๆ น่าจะเคลื่อนไหวในทิศทางปกติ โดยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากต้นทุนการผลิต การขนส่ง และเงินบาทที่อ่อนค่าลง ส่วนอุปทานด้านน้ำมันดิบคาดว่า กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่จะทยอยปรับกำลังการผลิตเพื่อให้สมดุลกับความต้องการ

 

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยและแนวโน้มเหล่านี้ยังมีความเสี่ยงและมีโอกาสผันผวน รวมถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของไทยอาจจะได้รับแรงกดดันจากโควิดสายพันธุ์ใหม่ ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและราคาสินค้าเกษตรที่มีความผันผวน รวมถึงมาตรการของภาครัฐ ซึ่งจะกดดันให้เงินเฟ้อของไทยขยายตัวได้อย่างจำกัด ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะติดตามเฝ้าระวังและประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง

 

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ว่าเงินเฟ้อในปี 2565 จะเคลื่อนไหวระหว่าง 0.7-2.4% ซึ่งเป็นอัตราที่น่าจะสอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปี 2565

 


ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

Twitter: twitter.com/standard_wealth

Instagram: instagram.com/thestandardwealth

Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X