วานนี้ (16 เมษายน) นับเป็นเวลาสองปีแล้วหลังจากเกิดเหตุเพลิงไหม้บริเวณหลังคาของอาสนวิหารน็อทร์-ดาม (Notre Dame Cathedral) แห่งกรุงปารีส เมืองหลวงของฝรั่งเศส โดยเมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสได้เดินทางมาเยี่ยมชมอาสนวิหารฯ และยืนยันอีกครั้งว่าโครงการปรับปรุงอาสนวิหารฯ จะเสร็จสิ้นทันกำหนดในปี 2024
มาครงสวมชุดคลุม รองเท้าบู๊ต และหมวกแข็งเข้าตรวจสอบอาสนวิหารฯ พร้อมกับ แอนน์ ไฮดาลโก นายกเทศมนตรีกรุงปารีส และนายพลฌอง หลุยส์ จอร์จแลง ทหารจากกองทัพฝรั่งเศสที่เกษียณอายุราชการแล้ว ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบด้านการซ่อมแซมฟื้นฟูอาสนวิหารฯ
“พวกเราทุกคนประทับใจกับสิ่งที่เห็น” มาครงกล่าวกับกลุ่มเจ้าหน้าที่ “เราทำงานใหญ่ด้านความปลอดภัยที่เป็นงานเชี่ยวชาญเฉพาะทางจนลุล่วงในสองปีที่ผ่านมา”
หลายชั่วโมงหลังจากเกิดเหตุเพลิงไหม้อาสนวิหารฯ เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2019 ซึ่งทำให้ส่วนยอดของมหาวิหารพังถล่มลงมา
มาครงให้คำมั่นว่าอาสนวิหารฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในแบบอย่างที่ดีที่สุดของสถาปัตยกรรมแบบโกธิกของฝรั่งเศสจะถูกสร้างขึ้นใหม่ และเปิดให้บริการอีกครั้งภายในปี 2024
“จะทันกำหนดเวลาในปี 2024” มาครงกล่าวกับหนังสือพิมพ์ Le Parisien ในบทสัมภาษณ์ที่เผยแพร่ในช่วงเช้าวันที่ 15 เมษายน
“สิ่งที่สำคัญสำหรับผม คือการเคารพแผนงาน เคารพสถาปนิก และผู้เชี่ยวชาญด้านงานฝีมือ” มาครงกล่าว
ขั้นตอนแรกภายใต้แผนการซ่อมแซม คือการรื้อชิ้นส่วนนั่งร้านเก่าน้ำหนัก 300 ตัน ซึ่งถูกติดตั้งสำหรับโครงการปรับปรุงก่อนหน้านี้ และได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจากเพลิงไหม้
การทำความสะอาดและการเพิ่มความมั่นคงเกิดความล่าช้า เนื่องจากมีสารตะกั่วที่เป็นพิษปริมาณมาก บวกกับพายุฤดูหนาวในปี 2019 และชะงักลงอีกครั้งจากการล็อกดาวน์ประเทศเพื่อควบคุมการแพร่กระจายของโรคโควิด-19 ในช่วงกลางเดือนมีนาคมปี 2020
อาสนวิหารฯ ซึ่งเริ่มก่อสร้างในปี 1163 และดำเนินต่อไปเป็นเวลากว่าหนึ่งศตวรรษนี้ เป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำแซนในปารีส และถูกจารึกให้เป็นแหล่งมรดกโลกเมื่อปี 1991โดยองค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO)
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
- สำนักข่าวซินหัว