วันนี้ (20 เมษายน) พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ นอท หัวหน้าพรรคเปลี่ยน ร่วมเปิดใจประเด็นนโยบายหวยทำได้จริงหรือแค่ขายฝัน พร้อมพูดคุยถึงคดีความและอนาคตทางการเมืองในรายการ สับประเด็น ทางช่อง PPTV โดยพิธีกรได้สอบถามในฐานะเป็นเจ้าพ่อวงการตลาดสลากดิจิทัล จะเข้ามาแก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือพัฒนา นโยบายเกี่ยวกับหวยอย่างไร
พันธ์ธวัชกล่าวว่า เรื่องหวยใครๆ ก็พูดได้ แต่คนที่ทำต้องมาสเตอร์ เป็นต้นแบบเท่านั้น ซึ่งจุดเริ่มต้นในการทำสลากดิจิทัล หลังจากไปดูตลาดก็ทราบความต้องการ ประกอบกับอยู่ในช่วงสถานการณ์โควิด ซึ่งการค้าขายออนไลน์กำลังมา ขณะที่ตลาดลอตเตอรี่มูลค่าอยู่ที่ 240,000 ล้านบาทต่อปี จึงคิดง่ายๆ ว่าขอแค่ 1% ก็ได้ 2,400 ล้านบาทแล้ว
สิ่งที่ทำไม่ได้ทำเพื่อความรวย ซึ่งความรวยก็อีกหนึ่งอย่าง แต่เราขายคือความสุข คนซื้อลอตเตอรี่ไม่ได้มีความสุขแค่ตอนถูก แต่มีความสุขตอนซื้อแล้วก็ฝัน ยืนยันว่าไม่มีใครรู้ปัญหาลอตเตอรี่เท่าตนเอง โดยรู้ทุกมุมตั้งแต่คนซื้อ คนขาย ไปจนถึงรัฐบาล สาเหตุที่ลอตเตอรี่แพงเพราะไม่เพียงพอต่อการจำหน่าย ตนเองเห็น แต่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลไม่ทราบ
ซึ่งวิธีแก้คือ พิมพ์สลากเพิ่มเข้าไปให้เท่ากับความต้องการในตลาด ขณะนี้มีลอตเตอรี่ 100 ล้านใบ แต่ตนคาดการณ์ว่าความต้องการอยู่ที่ 150-200 ล้านใบ ถ้าพิมพ์ออกมาเพียงพอต่อความต้องการก็จะแก้ปัญหาสลากแพงได้
“ผมยืนยันว่าทำได้จริง ไม่ใช่นโยบายขายฝัน อีกทั้งยังเพิ่มโอกาสคนถูกรางวัล อาชีพคนขายลอตเตอรี่ได้รับการดูแล มีสลากเพียงพอจำหน่าย มีรายได้เลี้ยงครอบครัว โดยจะมีการจัดตั้งสมาพันธ์ผู้ค้าลอตเตอรี่อาชีพแห่งประเทศไทยขึ้นมาดูแลกลุ่มผู้ค้าที่สร้างรายได้ให้กับประเทศ 50,000 กว่าล้านบาท ซึ่งจะได้รับเงินอีก 55,000 ล้านบาท โดยจะนำไปทำธนาคารโอกาสและกองทุนโอกาส เพื่อช่วยเหลือกลุ่มคนหาเช้ากินค่ำให้ได้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนในการประกอบอาชีพ และทำประกันสังคม
“นอกจากนี้ยังมีนโยบายดูแลกลุ่มโสเภณี กลุ่มคนหาเช้ากินค่ำ และกลุ่มไรเดอร์ด้วย” พันธ์ธวัชกล่าว
พันธ์ธวัชยังได้ตอบคำถามกรณีพรรคเปลี่ยนมีใครอยู่เบื้องหลังหรือเป็นนายทุนให้ โดยระบุว่า พรรคเปลี่ยนไม่มีคนจ่ายเงินหรือไม่มีคนเป็นทุนให้ ตนเองทำพรรคใช้จ่ายเงินยังไม่ถึง 5 ล้านบาท ทำพรรคแบบตรงไปตรงมา ชัดเจน ถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐานทุกอย่าง เมื่อรายงานต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็คงจะทราบว่าใช้จ่ายเงินไปเท่าไร โดยคิดว่าการหาเสียงครั้งนี้จะใช้เงินไม่เกินที่ กกต. กำหนด คาดว่าน่าจะใช้เงินประมาณ 10 ล้านบาท