Norges Bank Investment Management ซึ่งเป็นกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก รายงานเมื่อวันพฤหัสบดี (24 เมษายน) ที่ผ่านมาว่า ขาดทุนในไตรมาสแรก 4.15 แสนล้านโครนนอร์เวย์ หรือคิดเป็น 4 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยอ้างถึงความอ่อนแอในภาคเทคโนโลยี
Nicolai Tangen ซีอีโอ กล่าวในแถลงการณ์ว่า “ไตรมาสนี้ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของตลาดอย่างมาก การลงทุนในหุ้นของเราได้รับผลตอบแทนติดลบ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากภาคเทคโนโลยี”
มูลค่าของกองทุนแตะระดับ 18.53 ล้านล้านโครนนอร์เวย์ ณ สิ้นเดือนมีนาคม โดย 70% ของการลงทุนอยู่ในหุ้น ซึ่งเป็นประเภทสินทรัพย์ที่กองทุนบันทึกการขาดทุน 1.6% มูลค่าตลาดของกองทุนลดลง 1.215 ล้านล้านโครนนอร์เวย์ในช่วงไตรมาสแรก ส่วนใหญ่เกิดจากการเคลื่อนไหวของค่าเงินที่ไม่เอื้ออำนวย
นอกเหนือจากหุ้นแล้ว ตราสารหนี้คิดเป็น 27.7% ของสินทรัพย์ที่กองทุนถือครองและให้ผลตอบแทน 1.6% ในไตรมาสแรก อสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียนคิดเป็น 1.9% ของสินทรัพย์ทั้งหมดและให้ผลตอบแทน 2.4% ในช่วงเวลาดังกล่าว
NBIM จัดการกองทุนนี้ในนามของประชากรนอร์เวย์ กองทุนนี้ก่อตั้งขึ้นในช่วงทศวรรษ 1990 เพื่อลงทุนรายได้ส่วนเกินจากอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซของนอร์เวย์ ปัจจุบันกองทุนนี้ลงทุนในบริษัทมากกว่า 8,600 แห่งใน 63 ประเทศ
กองทุนนี้ถือหุ้นในบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ หลายแห่ง โดยกองทุนนี้เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ใน Meta, Alphabet, Amazon, Nvidia, Tesla และ Microsoft
ความคิดเห็นของ NBIM เกี่ยวกับความอ่อนแอในภาคส่วนเทคโนโลยีเกิดขึ้นหลังจากที่มีแรงเทขายหุ้นขนาดใหญ่ของอุตสาหกรรมนี้เป็นเวลา 3 สัปดาห์ในเดือนมีนาคม ส่งผลให้มูลค่าตลาดของหุ้นเหล่านี้ลดลง 2.7 ล้านล้านดอลลาร์ ท่ามกลางความหวาดกลัวที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบจากนโยบายภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีสหรัฐฯ Donald Trump
ภาวะตกต่ำดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจากที่บริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งเจอกับแรงเทขายหุ้นเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากการเกิดขึ้นของโมเดล AI ที่พัฒนาโดย DeepSeek ของจีน บริษัทสตาร์ทอัพแห่งนี้กล่าวว่าได้พัฒนาโมเดลภาษาขนาดใหญ่ด้วยต้นทุนเพียงเศษเสี้ยวของคู่แข่งชั้นนำของสหรัฐฯ อย่าง ChatGPT ของ OpenAI ส่งผลให้บริษัทต่างๆ รวมถึง Nvidia ซึ่งเป็นบริษัท AI ชื่อดัง ต้องประสบกับภาวะร่วงลงอย่างหนัก
เมื่อต้นปีนี้ NBIM รายงานกำไรประจำปีสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 222 แสนล้านดอลลาร์ จากการปรับตัวขึ้นของราคาเทคโนโลยี ซึ่งขับเคลื่อนโดยการเติบโตของ AI ในปี 2024
ภาพ: alexsl / Getty Images, Maksym Kapliuk / Getty Images
อ้างอิง: