วันนี้ (24 สิงหาคม) กลุ่มสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ เคลื่อนขบวนไปยังโรงแรมเลอ เมอริเดียน เชียงใหม่ สถานที่จัดประชุม APEC อาวุโสด้านป่าไม้ เพื่อเรียกร้องให้มีการรับฟังเสียงภาคประชาชน และการต่อต้านไม่ให้ผู้นำ APEC ทำข้อตกลงร่วมมือกับทางรัฐบาลไทย ที่มีนโยบายเกี่ยวข้องกับการฟอกเขียว ซึ่งส่งผลกระทบต่อกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่ป่า
โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้รวมตัวกันบริเวณลานอเนกประสงค์ข่วงประตูท่าแพ พร้อมกับถือป้ายประท้วง ก่อนจะร่วมกันเดินเท้ามุ่งสู่โรงแรมเลอ เมอริเดียน เชียงใหม่ ที่มีการจัดประชุมเจ้าหน้าที่ APEC อาวุโสด้านป่าไม้ โดยกลุ่มผู้ชุมนุมปักหลักอยู่บริเวณสี่แยกด้านหน้าโรงแรมเลอ เมอริเดียน เชียงใหม่ ขณะที่เจ้าหน้าที่ชุดควบคุมฝูงชน ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่กว่า 400 นาย ได้วางรั้วกั้นตรึงกำลังที่บริเวณสี่แยกโรงแรม และวางกำลังโดยรอบพื้นที่ เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อย และป้องกันเหตุรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการชุมนุมในครั้งนี้
แต่หลังจากนั้นไม่นานเริ่มมีการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและกลุ่มผู้ชุมนุม เนื่องจากทางกลุ่มผู้ชุมได้พยายามดันรั้วกั้นเพื่อจะเข้าไปด้านใน พร้อมทั้งยังมีการทำลายแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ จนทำให้มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย
โดย พชร คำชำนาญ กองเลขานุการสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ กล่าวว่า การชุมนุมในครั้งนี้เป็นการออกมาเคลื่อนไหวของสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์และเกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่ป่า และกำลังจะได้รับผลกระทบจากการประชุมเวที APEC ป่าไม้ ที่มีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และรัฐบาลไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมขึ้นที่โรงแรมเลอ เมอริเดียน เชียงใหม่ โดยมีนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเขียว ซึ่งจะทำให้มีโอกาสสูงในการที่จะแย่งยึดพื้นที่ของชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ป่า และนำเข้าสู่การปลูกป่าทดแทนคาร์บอนที่กลุ่มทุนใหญ่ปล่อยออกไป ซึ่งเป็นความตกลงที่เรียกกันว่าเขตเศรษฐกิจ APEC และเป็นมหกรรมค้าคาร์บอนอย่างใหญ่หลวง จึงเกิดข้อกังวลที่จะนำไปสู่การแย่งยึดที่ดินของชาวบ้าน ซึ่งตอนนี้ก็ได้รับความเดือดร้อนกันมาก
นอกจากนี้ ตลอดระยะเวลา 8 ปี พบว่ามีชาวบ้านถูกดำเนินคดีถึง 40,000 กว่าคดี จึงมีการออกมาชุมนุมในวันนี้ เพื่อจะส่งเสียงถึงผู้นำ APEC ไม่ให้ร่วมมือกับทางรัฐบาลไทยในการเข่นฆ่าประชาชนอย่างเด็ดขาด
เรื่องและภาพ: พงศ์มนัส ทาศิริ