ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ตึงเครียดอย่างหนักในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ภายหลังกลุ่มเคลื่อนไหวต่อต้านเกาหลีเหนือ รวมถึงชาวเกาหลีเหนือผู้แปรพักตร์ในเกาหลีใต้ ปล่อยลูกโป่งบรรจุใบปลิวโฆษณาชวนเชื่อ ข้ามชายแดนไปยังเกาหลีเหนือ ส่งผลให้ผู้นำกองทัพและรัฐบาลเกาหลีเหนือเกิดความไม่พอใจอย่างรุนแรง ถึงขั้นสั่งระเบิดอาคารประสานงานเกาหลีใต้เพื่อตอบโต้ พร้อมเปิดฉากท้าทายเกาหลีใต้ด้วยการขู่เคลื่อนกำลังติดอาวุธเข้าเขตปลอดทหาร
บรรยากาศอันดุเดือดที่เกิดขึ้น ทำให้รัฐบาลโซลต้องส่งสัญญาณเตือนท่าทียั่วยุของเปียงยาง และพยายามยับยั้งการกระทำของนักเคลื่อนไหว แต่เมื่อวานนี้ (23 มิถุนายน) กลุ่มนักเคลื่อนไหวชาวเกาหลีใต้ก็ยังคงแอบปล่อยลูกโป่งร่อนใบปลิวข้ามชายแดนไปยังฝั่งเกาหลีเหนือ ทำให้เกาหลีเหนือตอบโต้ด้วยการนำลำโพงโฆษณาชวนเชื่อขนาดใหญ่มาติดตั้งตามแนวชายแดนอีกครั้ง แม้ว่าล่าสุดในวันนี้ (24 มิถุนายน) จะยอมถอนลำโพงเหล่านี้ออกไปแล้ว ภายหลัง คิมจองอึน ผู้นำสูงสุด มีคำสั่งให้ระงับแผนดำเนินการทางทหารเพื่อต่อต้านเกาหลีใต้
การใช้ลูกโป่งบรรจุใบปลิวโฆษณาชวนเชื่อเป็นกลยุทธ์ที่กลุ่มเคลื่อนไหวต่อต้านเกาหลีเหนือใช้มาอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งนอกจากใบปลิวเขียนข้อความวิจารณ์ความเป็นเผด็จการของเปียงยาง ยังมีสิ่งของอย่างแฟลชไดรฟ์ ดีวีดี ที่มีข่าวหรือละครของเกาหลีใต้อยู่ภายใน
การกระทำเหล่านี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อทำลายการควบคุมข้อมูลข่าวสารภายในของเกาหลีเหนือ ท่ามกลางความหวังว่าอาจจุดชนวนให้ประชาชนโค่นรัฐบาลเผด็จการ
ที่ผ่านมารัฐบาลเกาหลีใต้คัดค้านและประณามการปล่อยลูกโป่งดังกล่าวมาตลอด เนื่องจากมองว่าเป็นการกระทำที่ไม่ก่อให้เกิดผลลัพธ์หรือความเปลี่ยนแปลงอะไร นอกจากสร้างบรรยากาศความตึงเครียดและบั่นทอนความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่าย
แต่ความพยายามเตือนหรือห้ามของรัฐบาลเกาหลีใต้ดูจะไม่เป็นผล เพราะบรรดานักเคลื่อนไหวยืนยันว่า ประชาชนชาวเกาหลีเหนือมีสิทธิ์ที่จะรับรู้ความจริง
“ชาวเกาหลีเหนือถูกลิดรอนสิทธิมนุษยชน และกดขี่ข่มเหงโดยเผด็จการสมัยใหม่ พวกเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้ความจริงเลยหรือ?” หนึ่งในนักเคลื่อนไหวเกาหลีใต้ที่ปล่อยลูกโป่งกล่าว พร้อมยืนยันว่า ใบปลิวนั้นไม่ใช่ยาพิษ และลูกโป่งก็ไม่ได้บรรจุระเบิดไว้
ด้านเปียงยางเอง ที่ผ่านมาก็แสดงความไม่พอใจการปล่อยลูกโป่งเหล่านี้ โดยมองว่า เป็นการดูหมิ่นที่ไม่อาจทนได้ พร้อมทั้งเรียกกลุ่มนักเคลื่อนไหวที่ปล่อยลูกโป่ง ซึ่งหลายคนเป็นชาวเกาหลีเหนือผู้แปรพักตร์ว่าเป็น ‘เศษมนุษย์’ ขณะเดียวกันก็พยายามตอบโต้ด้วยการใช้ลำโพงขยายเสียงติดตั้งในแนวชายแดน เพื่อส่งข้อความโฆษณาชวนเชื่อไปยังฝั่งเกาหลีใต้
อย่างไรก็ตาม ในการประกาศปฏิญญาพันมุนจอม ที่ประธานาธิบดี มุนแจอิน ของเกาหลีใต้ และ คิมจองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ลงนามร่วมกันเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2018 มีข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้ยุติการยั่วยุและแสดงความเป็นศัตรูต่อกัน ซึ่งรวมถึงการยกเลิกปล่อยลูกโป่งโฆษณาชวนเชื่อและถอนลำโพงขยายเสียงออกจากพื้นที่ชายแดน
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ทำให้กองทัพของทั้งสองฝ่ายต้องตรึงกำลัง เตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ ซึ่งยังไม่แน่ว่าความตึงเครียดนี้จะบรรเทาหรือสิ้นสุดลงง่ายๆ เพราะผู้เชี่ยวชาญไม่น้อยตั้งข้อสงสัยถึงชนวนความไม่พอใจของเกาหลีเหนือว่าเกิดจากการปล่อยลูกโป่งโฆษณาชวนเชื่อเหล่านี้จริง หรือเป็นเพียงเกมการเมือง ในการขยายความตึงเครียดเพื่อเพิ่มอำนาจการต่อรองกับเกาหลีใต้และสหรัฐฯ และกดดันให้มีการรื้อฟื้นการพูดคุยขึ้นใหม่ ท่ามกลางความหวังเพื่อให้สหรัฐฯ ตอบรับข้อเรียกร้องในการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
