วันนี้ (29 กันยายน) ศักดิ์เกษม นิไทรโยค ผู้ตรวจการอัยการ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) เปิดเผยความคืบหน้าคดีทุจริตสำคัญว่า เมื่อวันที่ 27 กันยายน ที่ผ่านมา สำนักงานอัยการสูงสุด ในฐานะผู้ประสานงานกลางตาม พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน ได้ดำเนินการรับตัว นพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยแล้ว หลังหลบหนีคดีไปอยู่ประเทศสหรัฐอเมริกา
นพรัตน์ เป็นบุคคลตามหมายจับในคดีทุจริตเงินอุดหนุนเพื่อบูรณะปฏิสังขรณ์และพัฒนาวัดพนัญเชิงวรวิหาร และวัดอื่น ๆ อีกกว่า 65 แห่ง
โฆษก อสส. เปิดเผยว่า ในวันนี้เวลา 09.30 น. พนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 7 ได้นำตัว นพรัตน์ ไปยื่นฟ้องต่อ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 ในคดีทุจริตเงินวัดพนัญเชิงวรวิหาร (ตามหมายจับที่ จ.72/2566) เป็นคดีหมายเลขดำที่ อท 162/2568
โดยถูกฟ้องในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน เบียดบังทรัพย์เป็นของตนหรือผู้อื่นโดยทุจริต เป็นเจ้าพนักงาน ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต (ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 151 และ 157)
พร้อมกันนี้ พนักงานอัยการได้ยื่นคำร้องขอฝากขัง นพรัตน์ ต่อศาลเป็นครั้งแรก มีกำหนด 12 วัน (ตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน – 10 ตุลาคม 2568) และ คัดค้านการขอปล่อยตัวชั่วคราว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง จำนวนเงินที่ทุจริตเป็นจำนวนมาก และมีพฤติการณ์หลบหนีไปยังต่างประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องร้ายแรง
ส่วนการดำเนินคดีตามหมายจับอีกคดีที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินอุดหนุนวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 65 วัด (ตามหมายจับที่ จ.24/2566) นั้น อัยการอยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียดและเอกสารพยานหลักฐานจำนวนมากอย่างรอบคอบ
โฆษก อสส. ชี้แจงว่า คดีดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับคดีอื่นที่ศาลได้มีคำพิพากษาไปแล้ว จึงจำเป็นต้องใช้เวลาในการตรวจสอบว่าความผิดฐานใดที่เกี่ยวข้องกับผู้ถูกกล่าวหา ขาดอายุความ บ้างหรือไม่ หากมีข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลงไป จะต้องเสนอสำนวนถึงอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาก่อนยื่นฟ้องต่อไป