วันนี้ (21 เมษายน) นพดล ปัทมะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวเห็นด้วยที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปลงพื้นที่แม่สอด เพื่อติดตามปัญหาตามแนวชายแดนไทย-เมียนมาที่เกิดขึ้นจากการสู้รบในเมียนมา เพื่อจะได้ทราบข้อมูลที่ทันสถานการณ์และนำมาใช้แก้ปัญหาได้ดีขึ้น และ กมธ.การต่างประเทศ ขอบคุณรัฐบาลที่ตั้งคณะกรรมการติดตามปัญหาเมียนมาตามแนวทางที่ กมธ. เคยเสนอไป
นอกจากนี้ประเทศไทยควรมีแผนรองรับปัญหาการอพยพและการสู้รบในเมียนมา รวมถึงนโยบายเรื่องแรงงานต่างชาติ อย่างครอบคลุม ซึ่งแผนนี้ไม่แน่ใจว่ามีหรือยัง กมธ. เห็นว่าเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นขณะนี้เป็นสิ่งซึ่ง กมธ. คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าจะเกิดขึ้นคือ การสู้รบจะทำให้มีผู้อพยพหลั่งไหลหนีภัยสงครามเข้ามาในไทยเป็นจำนวนมาก ซึ่งในขณะนี้ทราบว่ามีจำนวนหลายพันคนแล้ว และยังมีจำนวนที่ตรวจสอบไม่ได้อีกไม่น้อย
ขณะนี้ทราบว่ามีคนต่างด้าวซ่อนตัวในจังหวัดรอบนอกกรุงเทพฯ บ้างแล้ว ประกอบกับปัญหาของคนเมียนมาที่เลี่ยงการเกณฑ์ทหารและอพยพข้ามเข้ามาในไทยมีจำนวนมากขึ้น ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาตามมาอย่างแน่นอน เพราะเราไม่ทราบว่ามีจำนวนเท่าไรและจะเป็นแรงงานที่ผิดกฎหมายที่ไม่มีเอกสาร
นพดลกล่าวต่อว่า ปัญหาการสู้รบในเมียนมาขณะนี้ได้รับความสนใจไปทั่วโลก แม้กระทั่งรัฐมนตรีต่างประเทศกลุ่ม G7 ที่เพิ่งออกแถลงการณ์หลังจากที่รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนมีแถลงการณ์ในประเด็นเมียนมา ซึ่ง กมธ.การต่างประเทศ ขอย้ำข้อเสนอให้ประเทศไทยเป็นหัวหอกในการผลักดันการแก้ปัญหา และเป็นศูนย์กลางในการขับเคลื่อนการช่วยเหลือทางมนุษยธรรมจากทั่วโลก เพื่อช่วยพี่น้องเมียนมาและกลุ่มชาติพันธุ์ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการสู้รบ และเสนอว่าประเทศไทยจะต้องเปลี่ยนความห่วงใยของสังคมโลก เป็นการช่วยเหลือและแก้ปัญหาที่เป็นรูปธรรมให้กับชาวเมียนมา เพื่อแก้ไขปัญหาด้านมนุษยธรรมและผลักดันการสร้างสันติภาพอย่างเป็นรูปธรรม ครอบคลุม และยั่งยืน
ทั้งนี้ แนวทางในระดับอาเซียนเริ่มต้นจากฉันทมติ 5 ข้อ และแนวทางของกลุ่มประเทศ G7 ก็มีบางส่วนระบุไว้ในคำแถลงการณ์ ประกอบกับขณะนี้มีการแต่งตั้งทูตพิเศษเรื่องเมียนมาของสหประชาชาติและมีตัวแทนพิเศษเรื่องเมียนมาของอาเซียน ตนขอย้ำว่า ข้อเสนอของ กมธ. เรื่อง Troika Plus ที่จะเป็นกลุ่มขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาเมียนมาที่ประเทศไทยเป็นหัวหอกร่วมกับอาเซียน จีน และอินเดีย และอาจขยายไปยังประเทศอื่นๆ ก็น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นในการแก้ปัญหา
“ขณะนี้มีสงครามในหลายภูมิภาคทั่วโลก แต่ปัญหาเมียนมาก็ควรได้รับการใส่ใจและได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ได้เวลาแล้วหรือยังที่จะมีการประชุมปรึกษาหารือของประเทศต่างๆ เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาเมียนมาอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน”