วันนี้ (26 มิถุนายน) ที่อาคารรัฐสภา นพดล ปัทมะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะคณะกรรมการถอดบทเรียน พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์หลังเข้ารายงานตัวต่อสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ถึงการถอดบทเรียนของพรรคต่อการพ่ายแพ้การเลือกตั้งและไม่แลนด์สไลด์ว่า เราได้ฟัง ส.ส. ในพรรค, ผู้สมัคร และประมวลจากความเห็นของนักวิชาการ มีหลายประเด็น ทั้งเรื่องยุทธศาสตร์ใหญ่ การคัดสรรผู้สมัคร นโยบาย การจัดเวทีปราศรัย การส่งคนไปดีเบต ที่แต่ละเขตมีปัจจัยต่างกัน ซึ่งตนได้ส่งรายละเอียดให้ทางพรรคแล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะทำอย่างไรให้พรรคเพื่อไทยกลับมาชนะเลือกตั้ง นพดลกล่าวว่า จุดแรกที่เห็นตรงกันคือต้องทำพรรคให้เป็นสถาบันการเมืองให้เข้มแข็งยิ่งๆ ขึ้นไปอีก เป็นกระดุมเม็ดแรก ซึ่งต่อไปก็ต้องยึดมั่นในดีเอ็นเอของพรรค คือประชาธิปไตยที่กินได้ มีนโยบายนำและยึดมั่นในประชาธิปไตย เสนอนโยบายแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนต่อไป นี่คือแนวทางที่เรายึดมั่นมาตลอด และต่อไปนี้ต้องให้ความสำคัญในด้านสังคมและการเมืองเพิ่มขึ้นด้วย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงแนวโน้มในการโหวตเลือกประธานสภาของพรรคเพื่อไทย นพดลกล่าวว่า จากกรณีที่มีการแสดงความคิดเห็นที่ค่อนข้างหลากหลายในพรรคเพื่อไทย เป็นปกติของพรรคการเมืองและนักการเมือง จะให้ทุกคนเห็นตรงกันก็ไม่ง่าย แต่เชื่อมั่นว่าในวันที่ 27 มิถุนายนที่จะมีการหารือกันภายในพรรค จะมีข้อยุติที่เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย พรรคเพื่อไทยคิดอยู่เสมอว่าจะต้องไม่ทำให้พี่น้องประชาชนผิดหวัง ข้อสรุปที่ได้มาในวันนั้นคงจะเอื้อให้การดำเนินการร่วมรัฐบาลต่อไป น่าจะมีทางออกที่ดี จะไม่มีปัญหาที่ประชาชนฟังแล้วรู้สึกผิดหวัง และทำให้ความคาดหวังลดทอนลงไป
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากพรรคก้าวไกลไม่ยอมถอย จะหาทางออกในเรื่องนี้อย่างไร นพดลกล่าวว่า ไม่กล้าสมมติว่าจะมีปัญหาระหว่างการเจรจา อย่างไรก็มีทางออกอยู่สองทาง ไม่เป็นของพรรคเพื่อไทย ก็เป็นของพรรคก้าวไกลเท่านั้น ฉะนั้นคณะกรรมการที่มีหน้าที่เจรจา รวมถึงท่าทีของ ส.ส. พรรค ก็คงจะมีการพูดคุยกัน
“มีทางออกแน่นอน และจะเป็นทางออกที่ดีของพี่น้องประชาชนด้วย ผมมั่นใจอย่างนั้น ไม่น่าจะมีปัญหาความขัดแย้งกันจนกระทบต่อความมุ่งมั่นในการตั้งรัฐบาล” นพดลกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าสาเหตุที่พรรคก้าวไกลต้องการตำแหน่งประธานสภา เนื่องจากกังวลว่า พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จะไม่ได้เป็นนายกฯ นพดลกล่าวว่า ตนไม่มีข้อมูลในส่วนนั้น คิดว่าขณะนี้พรรคเพื่อไทยยังมั่นคงในแถลงการณ์ของพรรคที่จะสนับสนุนพิธาเป็นนายกฯ และให้พรรคก้าวไกลเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ฉะนั้นตนจึงไม่สามารถตอบได้ ในส่วนที่พรรคก้าวไกลหวังจะได้ตำแหน่งประธานสภาเพื่อดำเนินการอย่างไร ก็เป็นเหตุผลส่วนตัวของเขา
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า พิธาจะได้เป็นนายกฯ หรือไม่ เนื่องจากมีสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) บางคนออกมาระบุว่าจะไม่โหวตให้ นพดลกล่าวว่า ตนไม่ทราบ ไม่มีข้อมูลจริงๆ แต่ในฐานะที่เป็นสมาชิกของพรรคเพื่อไทย เชื่อว่าพรรคผูกพันกับ MOU ที่ได้เซ็นไปแล้ว และยังยึดจุดยืนเดิม ส่วนเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไปก็ต้องรอดู เราไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า มีทางออกสำรองหรือไม่เพื่อไม่ให้การตั้งรัฐบาลยืดเยื้อ นพดลกล่าวว่า คิดว่าหากการตั้งรัฐบาลยืดเยื้อ มีผลกระทบต่อความมั่นใจของนักลงทุนและเศรษฐกิจ นักการเมืองทุกคนคงรู้ว่าหากตั้งรัฐบาลล่าช้าคงไม่เป็นผลดี ทุกฝ่ายต้องให้ความร่วมมือในการตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุด พรรคเพื่อไทยยังไม่มีแผนสำรอง เรามีแผนการเดียวคือ เดินหน้าตาม MOU และสนับสนุนพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำต่อไป