ความคืบหน้ากรณีที่หลายจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือประสบปัญหาภัยแล้ง ขาดน้ำอุปโภค-บริโภคเนื่องจากฝนทิ้งช่วง และน้ำที่กักเก็บไว้ไม่เพียงพอต่อการใช้งาน โดยในวันนี้ (2 กรกฎาคม) ที่จังหวัดหนองคาย เฉลิมชัย ม่วงไหมแพร ผู้อำนวยการโครงการชลประทานหนองคาย เปิดเผยว่า ตอนนี้สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดกลางทั้ง 6 แห่งในจังหวัดหนองคายและลำห้วยสาขาแม่น้ำโขงที่มีประตูระบายน้ำอีก 7 แห่งที่ชลประทานหนองคายดูแลอยู่ ปัจจุบันเริ่มมีการกักเก็บน้ำแล้ว ในอ่างเก็บน้ำปัจจุบันมีปริมาณน้ำอยู่ประมาณ 32 เปอร์เซ็นต์ ส่วนประตูระบายน้ำทั้ง 7 แห่ง ส่วนใหญ่ก็มีการปิดบานเพื่อเก็บน้ำไว้ในลำห้วย มีเพียงประตูระบายน้ำลำห้วยหลวงที่มีการเปิดประตูระบายน้ำขึ้น 1 เมตร เพื่อระบายน้ำลงในแม่น้ำโขง
ในส่วนของพื้นที่การเกษตรที่อยู่ในพื้นที่บริการของอ่างเก็บน้ำขนาดกลางทั้ง 6 แห่ง ปีนี้ที่วางแผนไว้มีประมาณ 16,000 ไร่ ที่อยู่ในเขตชลประทานทั้งหมด แต่อย่างไรก็ตาม การทำการเกษตรในฤดูฝนให้ใช้น้ำฝนเป็นหลัก ไม่ใช่ใช้น้ำชลประทานเป็นหลัก น้ำชลประทานจะเตรียมสำรองไว้ในกรณีที่เกิดการทิ้งช่วง ฝนแล้ง ฝนมาช้า ก็จะมีน้ำชลประทานที่ตอนนี้มีอยู่ 32 เปอร์เซ็นต์มาเติมให้ได้ ฉะนั้นเฉพาะในเขตชลประทาน แม้จะมีฝนทิ้งช่วง ฝนแล้ง ก็จะไม่มีปัญหาเรื่องขาดน้ำ เพราะน้ำในอ่างเก็บน้ำ 32 เปอร์เซ็นต์ ก็ถือว่าดีในระดับหนึ่งอยู่แล้ว ส่วนนอกเขตชลประทาน หากพบว่ามีปัญหานี้ฝนทิ้งช่วงหรือฝนแล้งเหมือนกัน
โดยทางชลประทานก็มีการจัดเตรียมเครื่องสูบน้ำขนาด 8 นิ้ว และ 10 นิ้ว สำรองไว้ที่ชลประทานหนองคาย จำนวน 15 เครื่อง และสามารถสนับสนุนจากเขตที่จังหวัดอุดรธานีได้อีกจำนวน 50 เครื่อง หากได้รับการร้องขอ ก็สามารถแจ้งความประสงค์ไปได้ที่สำนักงานชลประทานหนองคาย ก็จะมีเจ้าหน้าที่นำเครื่องสูบน้ำไปติดตั้งให้ โดยจะสูบน้ำจากลำห้วยธรรมชาติ หรือแหล่งน้ำธรรมชาติที่มีฝนตกลงมาเอาไปเติมให้ คาดว่าทั้งในเขตชลประทานและนอกเขตชลประทานในพื้นที่จังหวัดหนองคาย ในฤดูฝนนี้ไม่น่าจะมีการขาดแคลนน้ำแต่อย่างใด
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
