บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE ให้ข้อมูลนักลงทุนผ่านกิจกรรม Opportunity Day โดยระบุว่าบริษัทยังคงเป้าหมายยอดขายปีนี้ 16,000 ล้านบาท เนื่องจากยังเชื่อมั่นในกำลังซื้อและภาพรวมเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม หากมีปัจจัยเสี่ยงรุนแรงเกิดขึ้นในไตรมาส 3 บริษัทจะมีการทบทวนแผนธุรกิจอีกครั้ง
ขณะที่แผนธุรกิจปีนี้ยังคงพัฒนาโครงการและเปิดตัวโครงการใหม่ 11 โครงการ รวมมูลค่า 45,100 ล้านบาท และรุกตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศอังกฤษ เพื่อรองรับความต้องการชาวต่างชาติ และสร้างสัดส่วนกำไรจากธุรกิจต่างประเทศ 25% ใน 3 ปีตามแผน
ธงชัย บุศราพันธ์ ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม NOBLE กล่าวว่า ในปีนี้ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 16,000 ล้านบาท และจะรับรับรู้รายได้ราว 10,000 ล้านบาท โดยปี 2564 NOBLE มีแผนพัฒนาโครงการใหม่ และเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 11 โครงการ คิดเป็นมูลค่า 45,100 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการ High Rise 4 โครงการ มูลค่า 25,000 ล้านบาท และโครงการ Low Rise 7 โครงการ มูลค่า 20,100 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม NOBLE ได้เลื่อนการเปิด 2 โครงการ มูลค่ารวม 12,600 ล้านบาท คือโครงการ ดิ เอ็มบาสซี่ แอท ไวร์เลส (The Embassy at Wireless) มูลค่า 10,700 ล้านบาท และโครงการ นิว โนเบิล ดอนเมือง (Nue Noble at Don Mueang) มูลค่า 1,900 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกสาม ทำให้ยังเป็นช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม และการเข้าชมโครงการไม่สามารถทำได้
“มองว่าสถานการณ์โควิด-19 จะคลี่คลายในครึ่งปีหลัง หลังจากที่การกระจายการฉีดวัคซีนทำได้มากขึ้น และจะทำให้ประเทศไทยสามารถรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาหนุนเศรษฐกิจให้มีการฟื้นตัว ในขณะเดียวกันผู้ที่ต้องการจะซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยก็จะสามารถเข้ามาชมโครงการจริงได้ จะทำให้ยอดการเข้าซื้อโครงการจากต่างชาติเพิ่มมากขึ้นด้วย”
ขณะเดียวกัน NOBLE จะรักษาฐานลูกค้าต่างประเทศ เพื่อให้อยู่ในฐานะผู้นำของตลาดอย่างต่อเนื่อง และต่อยอดธุรกิจไปสู่การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ เพื่อรองรับความต้องการลูกค้าต่างชาติ
ล่าสุดได้ดําเนินการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท โนเบิล เวนเจอร์ อินเวสเมนท์ จํากัด ที่หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน บริษัทย่อยดังกล่าวจัดตั้งเพื่อวัตถุประสงค์ในการเข้าลงทุนในต่างประเทศและการขยายธุรกิจ โครงการในต่างประเทศแห่งแรกจะลงทุนในสหราชอาณาจักร โดย NOBLE ลงทุนในสัดส่วน 45% ร่วมกับพันธมิตรกลุ่มบริษัท ฟัลครัม-โกลบอล แคปิตอล อินเวสเมนท์ (Fulcrum Global Investments) หรือ Fulcrum ในสัดส่วน 55%
ทั้งนี้ การลงทุนในสหราชอาณาจักรจะเป็นรูปแบบโครงการที่ได้รับอนุญาตในการพัฒนาโครงการในเมืองใหญ่ๆ ที่ถูกสร้างและมีผู้เช่าแล้ว เนื่องจากปัญหากำลังซื้อที่อยู่อาศัยในสหราชอาณาจักร ทางรัฐบาลจึงได้มีการสนับสนุนในการปรับปรุงโครงการประเภทอาคารสำนักงานหรืออาคารเชิงพาณิชย์ เป็นอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยตามเงื่อนไขที่ตกลงกัน
“กลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักๆ คือลูกค้าชาวจีนและฮ่องกง ซึ่งมีความต้องการลงทุนและเข้าอยู่อาศัยในโครงการอสังหาริมทรัพย์นอกประเทศบ้านเกิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าการลงทุนไม่สูงมากและให้ผลตอบแทนสูง ซึ่งการพัฒนาโครงการร่วมกับ Fulcrum จะสามารถตอบโจทย์นี้ได้”
ทั้งนี้ NOBLE เคยให้ข้อมูลว่า ได้ตั้งเป้าหมายภายใน 3 ปีจากนี้ (2564) จะมีกำไรจากการลงทุนในต่างประเทศในสัดส่วนที่ 25% ของกำไรสุทธิรวม ซึ่งในปีแรกคาดจะใช้งบลงทุน 25 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง หรือประมาณ 1,000 ล้านบาท (NOBLE จะลงทุนประมาณ 450 ล้านบาทตามสัดส่วน) และเพิ่มการลงทุนภายในปี 2567 เป็นจำนวน 60 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง หรือประมาณ 2,500 ล้านบาท
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล