วันนี้ (12 เมษายน) แหล่งข่าวความมั่นคง กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวการโจมตีและเข้ายึดพื้นที่เมือง เมียวดี ได้สำเร็จแล้วว่า จากการข่าวที่รายงานมายังไม่มีการสู้รบในตัวเมืองเมียวดี การสู้รบล่าสุดคือที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (11 เมษายน) บริเวณที่ตั้งของ บก.พัน ร.275 ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองเมียวดีประมาณ 1 กิโลเมตร ห่างจากอำเภอแม่สอด 5 กิโลเมตร บก.พัน ร.275 มีทหารอยู่ประมาณ 140 นาย กองกำลังพันธมิตรกะเหรี่ยงที่เข้าตีประกอบไปด้วย KNLA, KNA (BGF), PDF และ KTLA
โดยการสู้รบที่บริเวณรอบ บก.พัน ร.275 ที่กองทัพอากาศเมียนมาได้นำเครื่องบินมาทิ้งระเบิด ทำให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณรอบๆ พากันอพยพหนีและต่อมาในช่วงเย็นทางกองกำลังพันธมิตรกะเหรี่ยงสามารถเข้ายึดค่ายได้ โดยกองกำลังพันธมิตรกะเหรี่ยงเปิดทางให้ทหารของ บก.พัน ร.275 วางอาวุธ และเดินทางออกจากค่ายด้วยความปลอดภัย เป็นเหตุตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 เมษายน
ส่วนการสู้รบที่เกิดขึ้นในวันที่ 11 เมษายน บริเวณอำเภอก่อกะเระ ซึ่งห่างจากอำเภอแม่สอดประมาณ 60-80 กิโลเมตร มีการเพิ่มเติมกำลังเข้ามาจาก พล.ร.เบา 55 การสู้รบในพื้นที่ดังกล่าวเป็นการสู้รบที่เกิดขึ้นมานาน และต่อเนื่องมาหลายเดือน และผลจากการสู้ดังกล่าว ไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆ กับชายแดนไทย เพราะการอพยพของประชาชนจะอพยพไปยังเมืองไปร่จง นาบู และตามันยะ ที่ไทยเพิ่งส่งความช่วยเหลือเข้าไปเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2567
สำหรับประเด็นสำคัญที่หลายคนอาจไม่เข้าใจคือ เมืองเมียวดีเป็นเมืองที่ถือได้ว่าเป็นเส้นเลือดใหญ่ของประเทศเมียนมา ที่ผ่านมามีกองกำลัง BGF ซึ่งเป็นกองกำลังดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ปัจจุบัน BGF ที่เมืองเมียวดีได้ถอนตัวจากการอยู่ภายใต้รัฐบาลเมียนมา และเปลี่ยนเป็นกองกำลัง KNA เมื่อวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา เพื่อมาร่วมกับกะเหรี่ยงกลุ่มอื่นๆ แต่ถึง BGF จะถอนตัวออกมาจากเมียนมาแล้ว แต่ยังสามารถติดต่อสื่อสารพูดคุยกับทางรัฐบาลของเมียนมาได้
นอกจากนี้ KNA (BGF) ยังปรากฏข่าวสารว่าเป็นผู้ที่เจรจาให้ทหารเมียนมากลุ่มต่างๆ ในเมียวดีวางอาวุธโดยไม่ต้องสู้รบ เพื่อที่จะได้ไม่สร้างความเสียหายให้กับเมืองเมียวดีและประชาชน โดยมีข่าวสารจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือได้กล่าวว่า เริ่มมีการพูดคุยถึงการขับเคลื่อนเมืองเศรษฐกิจเมืองเมียวดีให้กลับมาปกติ ดำเนินชีวิตอย่างเดิมกันต่อไป
โดยรัฐบาลเมียนมาอาจให้พันธมิตรกะเหรี่ยงเป็นผู้ดูแลบริหารจัดการสะพานมิตรภาพทั้ง 2 แห่ง โดยแบ่งปันสัดส่วนผลประโยชน์ให้เป็นที่พึงพอใจกันทุกฝ่าย
“ที่ผ่านมาประชาชนส่วนใหญ่เริ่มกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมแล้ว ใครที่ต้องออกจากบ้านไปก็เริ่มเดินทางกลับเข้าที่อยู่ตามเดิม โดยสรุปสถานการณ์ในเมืองเมียวดีน่าจะกลับมาปกติในเร็ววัน ไม่มีสถานการณ์ใดที่น่ากังวลตามที่ปรากฏในสื่อต่างๆ ในห้วงที่ผ่านมา” แหล่งข่าวความมั่นคงระบุ
ด้าน พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงสถานการณ์ในเมียนมาว่า ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลต้องร่วมมือกับทุกภาคส่วน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในเมียนมา โดยเฉพาะพื้นที่ที่อยู่ใกล้ชิดประเทศไทย เช่น รัฐกะเหรี่ยง รัฐยะไข่ และรัฐฉาน
ถ้ารัฐบาลอยากจะเข้าใจเมียนมามากขึ้น ก็ควรจะรับข้อมูลให้รอบด้าน ไม่ใช่รับด้านใดด้านหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม NUG หรือ ERO ไม่ใช่รับเพียง SAC ของรัฐบาลอย่างเดียว