สมาชิกสภาสามัญชนแห่งสหราชอาณาจักรลงมติ 328 ต่อ 301 คะแนน ในการผลักดันร่างกฎหมายป้องกันการแยกตัวจากสหภาพยุโรปแบบไร้ข้อตกลง (No-deal Brexit) ซึ่งถือเป็นความพ่ายแพ้ทางการเมืองครั้งแรกในฐานะนายกรัฐมนตรีของบอริส จอห์นสัน หลังเขาสานต่อภารกิจการเจรจาข้อตกลง Brexit จากเทเรซา เมย์ ในเดือนกรกฎาคม
การโหวตชี้ชะตา Brexit ครั้งสำคัญในสภาผู้แทนราษฎรหรือสภาสามัญชนเมื่อวานนี้ มี ส.ส. พรรคคอนเซอร์เวทีฟของรัฐบาล 21 คนที่แตกแถวหันไปเข้าร่วมกับฝ่ายค้าน เช่น พรรคเลเบอร์ และลิเบอรัลเดโมแครต ในการขัดขวางไม่ให้เกิดกรณี No-deal Brexit ซึ่งทำให้ฝ่ายค้านรวบรวมคะแนนเสียงได้เพียงพอในการเอาชนะรัฐบาลของจอห์นสัน ขณะที่นายกรัฐมนตรีมีกำหนดเดินทางไปเจรจาข้อตกลง Brexit ในนาทีสุดท้ายกับผู้นำ EU ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ในวันที่ 17 ตุลาคมนี้
การที่สภาสามัญชนลงมติเข้าควบคุมไม่ให้เกิดกระบวนการแยกตัวแบบไร้ข้อตกลง ยังเปิดทางให้ ส.ส. สามารถพิจารณาเสนอกฎหมายเลื่อนกำหนดการ Brexit ออกไปจากเส้นตายวันที่ 31 ตุลาคมนี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม บอริส จอห์นสัน อาจแก้เกมโดยการยื่นญัตติขอให้สภาจัดการเลือกตั้งใหม่ก่อนกำหนดตามที่เขาเคยประกาศไปก่อนหน้านี้ โดยวันเลือกตั้งอาจมีขึ้นในวันที่ 15 ตุลาคม
อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีจำเป็นต้องได้รับเสียงสนับสนุนจาก ส.ส. จำนวน 2 ใน 3 ของสภา จึงจะสามารถจัดการเลือกตั้งก่อนกำหนดได้ ซึ่งหมายความว่าพรรคเลเบอร์อาจโหวตขัดขวางความตั้งใจดังกล่าว โดย เจเรมี คอร์บิน หัวหน้าพรรคเลเบอร์ ระบุว่า พรรคของเขาจะไม่ลงมติให้จัดการเลือกตั้ง หากร่างกฎหมายป้องกัน No-deal Brexit ยังไม่ผ่านการรับรองในสภาสามัญชน
ด้านจอห์นสันเตือนว่า ร่างกฎหมายฉบับใหม่ของ ส.ส. จะทำให้อำนาจต่อรองตกไปอยู่ในมือของ EU ซึ่งท้ายสุดจะส่งผลให้กระบวนการ Brexit ล่าช้า และเกิดความยุ่งเหยิงยิ่งขึ้น
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: