การอภิปรายไม่ไว้วางใจโดยฝ่ายค้านที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 24-25 มีนาคมนี้ ไม่ใช่เพียงแค่กลไกตามครรลองประชาธิปไตย แต่คือบททดสอบแรกของนายกรัฐมนตรีหญิงที่ชื่อ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร และยังเป็นการเผชิญหน้าระหว่างอดีตกับอนาคตของการเมืองไทย ชื่อของ ‘ทักษิณ’ ยังคงสะท้อนอยู่ในทุกบทสนทนา และนี่คือ 6 ประเด็นสำคัญที่ประชาชนต้องจับตาให้ดี
- เป็นนายกฯ ครั้งแรก ศึกซักฟอกครั้งแรก วัดภาวะผู้นำ
การรับตำแหน่งผู้นำประเทศของแพทองธาร มาพร้อมกับแรงคาดหวังและคำถามจากทั้งสังคมและฝ่ายตรงข้าม การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้จึงเปรียบเสมือน ‘บททดสอบใหญ่’ ที่จะชี้วัดว่าเธอมีภาวะผู้นำเพียงพอหรือไม่ ทั้งในด้านการตอบคำถาม การควบคุมอารมณ์ และการประคองทีมบริหารในวันที่พายุการเมืองโหมกระหน่ำ
- อภิปรายลูก กระทบชิ่งพ่อ
แม้ผู้ที่ถูกอภิปรายคือผู้นำหญิงคนปัจจุบัน แต่การเมืองไทยไม่เคยตัดขาดจากอดีตได้ง่าย โดยเฉพาะชื่อของ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ที่ยังถูกหยิบมาโยงกับทุกการเคลื่อนไหวของนายกฯอุ๊งอิ๊ง และพรรคเพื่อไทย เป็นไปได้สูงที่ฝ่ายค้านจะใช้โอกาสนี้ปักหมุดความสงสัยต่อบทบาทเบื้องหลังของอดีตนายกรัฐมนตรี กลายเป็นศึกอภิปรายที่พุ่งเป้าไปยัง ‘ลูก’ แต่ไม่วายจะกระแทกไปถึง ‘พ่อ’ ด้วย
- มือโหวตไว้วางใจ จับตามือใหม่ และมือที่อาจหายไป
เบื้องหลังศึกในสภา หนึ่งในตัวแปรสำคัญที่กำหนดทิศทางคือ ‘มือ’ ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร การโหวตไว้วางใจหรือไม่ไว้วางใจ จะสะท้อนแรงสนับสนุนที่นายกฯ ได้รับจริงจากพรรคร่วมและ สส. ในสภา จับตาให้ดีว่า ‘มือไหน’ โผล่ขึ้นพร้อมเสียงไว้วางใจ และ ‘มือไหน’ ที่เลือกหายไปอย่างน่ากังขา
- เสถียรภาพพรรคร่วมรัฐบาล ช่วยลุกตอบ ช่วยประท้วง
การซักฟอกไม่ใช่แค่เกมของฝ่ายค้าน แต่คือเวทีแสดงพลังของพรรคร่วมรัฐบาลเช่นกัน ความแข็งแรงของรัฐบาลไม่ได้อยู่ที่นายกรัฐมนตรีคนเดียว แต่อยู่ที่ ‘ทีม’ ว่าจะพร้อมลุกขึ้นมาปกป้อง ตอบข้อกล่าวหา หรือแม้แต่ประท้วงตามจังหวะได้แค่ไหน หากพรรคร่วมบางพรรคเงียบผิดปกติ อาจสะท้อนอะไรบางอย่างที่กำลังขยายตัวในอนาคต
- จับตาเอฟเฟกต์ปรับ ครม. หลังอภิปราย
เมื่อศึกจบ ย่อมมีผู้แพ้และผู้รอด หากการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ก่อแรงกระเพื่อมมากพอ อาจตามมาด้วยการ ‘ปรับคณะรัฐมนตรี’ เพื่อลดแรงเสียดทาน หรือเปลี่ยนตัวผู้เล่นที่หมดความเชื่อมั่นจากสังคม การปรับ ครม. อาจไม่ใช่แค่การเปลี่ยนเก้าอี้ แต่เป็นการวางหมากการเมืองครั้งใหม่ด้วย
- บทพิสูจน์ฝ่ายค้าน: จากเวทีโหมโรงสู่สนามจริง
การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญของฝ่ายค้านในการแสดงบทบาทตามกลไกรัฐสภา ตลอดช่วงที่ผ่านมา ฝ่ายค้านได้แสดงท่าทีวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลผ่านเวทีสื่อและพื้นที่สาธารณะอย่างต่อเนื่อง แต่การอภิปรายในสภาคือเวทีที่ต้องใช้ข้อมูล ข้อเท็จจริง และเหตุผลที่หนักแน่นในการตั้งคำถามต่อการบริหารราชการแผ่นดิน
ประชาชนจึงจับตามองว่า พรรคฝ่ายค้านจะสามารถเปลี่ยนจาก ‘เสียงโหมโรง’ ไปสู่ ‘ข้ออภิปรายที่มีน้ำหนัก’ ได้มากเพียงใด และจะสามารถชี้ให้เห็นปัญหาที่แท้จริงได้หรือไม่ บทบาทของฝ่ายค้านจึงไม่ใช่เพียงตรวจสอบรัฐบาล แต่ยังสะท้อนภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของตัวเองในฐานะทางเลือกทางการเมืองในอนาคตด้วย
ศึกซักฟอกครั้งนี้ไม่ได้มีแค่เดิมพันเรื่องนโยบาย แต่เดิมพันถึงศรัทธาที่ประชาชนมีต่อนายกฯ คนใหม่ และสำหรับรัฐบาลชุดนี้ นี่คือเวทีพิสูจน์ว่าภาวะผู้นำของแพทองธาร จะสามารถพาประเทศเดินไปข้างหน้า หรือสะท้อนให้เห็นว่าอดีตยังตามหลอกหลอนการเมืองไทยอยู่ทุกย่างก้าว