วันนี้ (24 มีนาคม) สุทิน คลังแสง สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการอภิปรายของฝ่ายค้านในช่วงครึ่งวันแรกว่า จากที่ได้ฟัง ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน และ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ อภิปรายไม่ต่างจากที่ตนคาดหมายเท่าไร เพราะเป็นนามธรรม โดยเฉพาะผู้นำฝ่ายค้านที่เบาหวิวกว่าที่คาด เบาไป ซึ่งคำว่าเบาที่ตนพูดคือการกล่าวลอยๆ ไม่มีตัวบ่งชี้ของพฤติกรรมที่กล่าวหา อาทิ การดีลแลกประเทศ ก็พยายามฟังว่าไปดีลกันเมื่อไร เป็นการพูดลอยๆ ดูคลุมเครือ
ส่วนข้อกล่าวหาพฤติกรรมการขาดความเป็นผู้นำหรือพฤติกรรมครอบงำก็ยังไม่มีพฤติกรรมที่บ่งชี้ หากเทียบกับการอภิปรายครั้งที่ผ่านมายังไม่มีความหนักแน่นพอ จึงต้องรอดู หากมีคนมาขยายความให้ผู้นำฝ่ายก็จะมีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้น
สุทินกล่าวว่า มีการอภิปรายที่ดูเป็นรูปธรรมคือการอภิปรายของ วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ซึ่งเป็นรายละเอียดที่ต้องไปศึกษาอีกครั้งและต้องไปฟังนายกรัฐมนตรีตอบด้วย แต่วิโรจน์อาจใช้อารมณ์ไปบดบังสาระมากเกินไป หากตัดอารมณ์ คำเสียดสี และวาทกรรมได้ สาระของเขาคงจะน่าสนใจมากขึ้น
สุทินยืนยันว่าในส่วนของรัฐบาลไม่มีอะไรที่น่าหนักใจ ยังคิดว่าข้อสันนิษฐานที่บอกไว้ ว่า “ข้อมูลน้อยน่าจะเป็นความจริง” ส่วนการอภิปรายที่ฝ่ายค้านวางไว้ยังไม่ถึงขั้นสมกับยุทธการโรยเกลือ โดยเฉพาะผู้นำฝ่ายค้านที่เบาหวิวกว่าที่คาด
ส่วนการอภิปรายมีการเชื่อมโยงไปถึงบุคคลในครอบครัวชินวัตรจะมีการฟ้องกลับหรือไม่ สุทินกล่าวว่า จะเป็นช่วงของวิโรจน์ที่มีการพูดถึงครอบครัวชินวัตรชัดเจนและเจาะจงให้ร้าย ซึ่งไม่ใช่ความจริงก็มีสิทธิที่จะฟ้อง และตนคิดว่าเมื่อเขาตอบแล้ว ยืนยันแล้วไม่ใช่ความจริง วิโรจน์จะต้องรับผิด เพราะกล่าวหาชัดเจนและหนักหน่วง
ส่วนที่ฝ่ายค้านขู่ว่าเมื่ออภิปรายแล้วเสร็จจะยื่นเรื่องไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นั้น ต้องดูว่ามีการยื่นตรวจสอบจริงหรือไม่ ขณะที่เรื่องของการยื่นภาษีถือว่าเป็นเรื่องเดียวที่มีความน่าสนใจ แต่ก็ต้องฟังนายกรัฐมนตรีชี้แจง
ส่วนการอภิปรายของ พล.อ. ประวิตร สุทินเชื่อว่าท่านก็พยายามทำได้ดีที่สุดของท่านแล้ว ก็ให้กำลังใจ แต่ยังไม่ถึงขั้นหนักแน่น เข้าใจว่า พล.อ. ประวิตร แค่จั่วหัวมากกว่า ซึ่งต้องรอดูว่าจะมีใครอภิปรายขยายซ้ำหรือไม่ เพราะถ้าอภิปรายเพียงแค่เท่านี้ไม่น่าจะถึงขั้นไม่ไว้วางใจ ส่วนการอภิปรายที่บอกว่าประเทศไม่ใช่เวทีของนายกฯ ฝึกหัด เป็นเพียงวาทกรรมที่พูดกันมาตลอด ยืนยันว่าไม่ใช่เป็นเรื่องฝึกหัด การมีทีมงานที่ดี มีพี่เลี้ยงที่ดี น่าจะดีกว่าพวกที่มีอาวุโสแต่ไม่มีทีมงาน
สุทินยังระบุถึงการชี้แจงของนายกรัฐมนตรีต่อคำอภิปรายของ พล.อ. ประวิตร ในวันนี้ว่าน่าจะเป็นมุกเพื่อให้ทุกคนผ่อนคลายมากกว่า และมองว่าเป็นการย้อนศร เพื่อทำให้ทุกคนผ่อนคลายและสนุกมากกว่า แต่ในเรื่องการตอบแบบจริงจังคงจะมีการที่แจ้งอีกครั้ง
สุทินกล่าวว่า ฝ่ายค้านต้องพูดให้ชัดเจนและต้องขีดเส้นให้ได้ระหว่างคำว่าครอบงำกับแนะนำ ถ้าไม่สามารถขีดเส้นแบ่งตรงนี้ได้การอภิปรายก็ไม่มีน้ำหนัก ยิ่งภาวะผู้นำ เป็นเรื่องธรรมชาติก็จะแบ่งยาก ส่วนความเป็นพ่อ ความเป็นคนในการเมือง และความเป็นคนในพรรคและผู้นำพรรค รวมไปถึงความเป็นห่วงลูกพรรค หากจะดูว่าเป็นการครอบงำก็ต้องดูว่าถึงขั้นไหน ซึ่งฝ่ายค้านต้องทำงานให้หนัก
เมื่อถามต่อว่า หากเปรียบการอภิปรายในครั้งนี้ให้เป็นกลอนลำ ปรับเปลี่ยนเป็นกลอนอะไร สุทินกล่าวว่า ไม่ใช่ลำซิ่ง ไม่ใช่ลำเต้ย แต่เป็นลำล่อง ล่องลอยไป พูดไปเรื่อย ล่องลอยไปเรื่อย ก่อนยิ้มกรุ้มกริ่มและพูดอีกครั้งว่าฝ่ายค้านเป็นลำล่อง