วันนี้ (25 มีนาคม) ที่อาคารรัฐสภา ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึง กระแสวิจารณ์ว่าเนื้อหาการอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคร่วมฝ่ายค้านซ้ำซากวนไปวนมา โดยเชื่อว่าเนื้อหาที่พรรคฝ่ายค้านได้อภิปรายเมื่อวานนี้ (24 มีนาคม) เป็นเนื้อหาที่หนักแน่น เป็นเรื่องดี
ทั้งนี้ ยังมีอีกหลายประเด็น ที่นายกรัฐมนตรียังไม่ได้ตอบชี้แจง อย่างเช่นประเด็นที่ ธีรัจชัย พันธุมาศ สส.กทม. พรรคประชาชน อภิปรายในส่วนของโรงแรมที่เขาใหญ่ของนายกรัฐมนตรี วันนี้ก็ยังมีโอกาสให้นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงอยู่
รวมถึงยังมีอีกหลายประเด็นที่ยังชี้แจงไม่เพียงพอ เช่น ปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่ประชาชนรอฟังการแก้ไข สิ่งที่รัฐบาลนำเสนอซึ่งใช้ตัวเลขคนละชุด อย่างการยกตัวเลขอ้อยเผาที่รับซื้อเข้าระบบน้อยลง ต้องยอมรับข้อเท็จจริงว่าตัวเลขที่รัฐบาลนำเสนอเป็นตัวเลขในระบบ แต่จริงๆยังมีอ้อยเผาที่ถูกขายอยู่นอกระบบจำนวนมาก ดังนั้น สิ่งที่ สส.พระประชาชนพยายามนำเสนอ ควรใช้ตัวเลขชี้วัดจากพื้นที่การเผา มากกว่า อีกมุมหนึ่งเนื้อหาในการตอบเมื่อวานรัฐบาลอาจไม่ชัดเจน
ส่วนกรณีเรื่องข้อกล่าวหาการหลบเลี่ยงภาษีของนายกรัฐมนตรีนั้น ณัฐพงษ์กล่าวว่า อยู่ที่มุมมอง สิ่งที่นายกรัฐมนตรีพยายามอธิบายในการตั้งคำถามฝ่ายค้านกลับมา ให้ลองถามคนที่ทำธุรกิจดูว่า ใครๆ ก็ทำแบบนี้ มองว่าเป็นสิ่งที่นายกรัฐมนตรีไม่ได้ตอบคำถามตรงๆ เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น ประชาชนก็เห็นอยู่ว่าการกระทำแบบนี้เป็นธุรกรรมอำพราง ในการหลบเลี่ยงภาษี ซึ่งการบริหารภาษีกับการหลบเลี่ยงภาษีมีเส้นแบ่งบางๆ สำหรับกรณีของนายกรัฐมนตรี มองเห็นได้ชัดว่าเป็นการจงใจหลบเลี่ยงภาษีมากกว่า
“ตามที่ วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้อภิปรายไปเมื่อวานนี้ เราจะทำหนังสือขอความเห็น ถามไปยังอธิบดีกรมสรรพากร เพื่อดูว่าการทำธุรกรรมแบบนี้ กรมสรรพากรจะว่าอย่างไร ซึ่งต้องอยู่ที่หน่วยงานด้วยว่าจะวางมาตรฐานตรงนี้อย่างไร” ณัฐพงษ์เปิดเผย
อย่างไรก็ตาม ณัฐพงษ์ขอให้รอดู และจะให้โอกาสรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงวันนี้อีกสักครั้ง ที่จริงยังมีอีกหลายประเด็นที่ได้บอกไป อย่างเรื่องโรงแรม Thames Valley ที่เขาใหญ่ ที่มองว่าเป็นประเด็นใหญ่ การที่เราจะมีนายกรัฐมนตรีที่เคยประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ ถ้านายกรัฐมนตรีตอบไม่ดีเพียงพอ และไม่มีหลักฐานหักล้างกับข้อเท็จจริงของพวกเราได้ จะเป็นคุณสมบัติติดตัวที่ไม่ควรจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป
ขณะที่ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกมาท้วงติงการใช้คำว่า ‘กี้กี้’ มีความหมายสองแง่สองง่ามนั้น ณัฐพงษ์กล่าวว่า ไม่อยากให้คนเข้าใจผิดตีความไปในทางไม่ดี ถ้าเมื่อวานเราดูกระแสสื่อมวลชน หรือกระแสสังคม ส่วนใหญ่เข้าใจคำนี้ดี ที่นายวิโรจน์ต้องการสื่อสาร อาจจะไปเกี่ยวข้องเรื่องของการ์ตูน เรื่องของภาพยนตร์ในสมัยก่อน เพียงแต่สิ่งที่รองนายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นมาตีความ ส่วนตัวคิดว่าเป็นสิ่งที่เข้าใจผิด การสื่อสารไปทางนั้น ไม่ได้สร้างภาพลักษณ์อะไรที่ดีในสังคม
