วันนี้ (24 มีนาคม) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 26 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 2 วาระพิจารณาญัตติเปิดอภิปรายเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล เป็นวันแรก กัณวีร์ สืบแสง สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม อภิปรายความล้มเหลวของนโยบายต่างประเทศที่ทำลายภาพลักษณ์ของประเทศไทยในเวทีโลก กระทบผลประโยชน์ของชาติ รวมถึงความเชื่อมั่นในการลงทุน
กัณวีร์กล่าวว่า ขอนำเสนอภาพยนตร์เรื่อง โลกหลายใบแต่ให้ ‘นาย’ คนเดียว ตลอด 73 วัน แห่งการโกหก เล่นละคร ที่ประกอบไปด้วยตัวละคร เช่น นายกรัฐมนตรี, รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม, เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และอีกหลายๆ คน
กัณวีร์ย้ำว่า การแก้ปัญหาผู้ลี้ภัยตามมาตรฐานสากล มี 3 วิธีการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน คือ การเดินทางกลับโดยสมัครใจ, อยู่ที่ประเทศที่ลี้ภัย หรือตั้งถิ่นฐานใหม่ประเทศที่ 3 แต่รัฐบาลไทยกลับเลือกส่งตัวชาวอุยกูร์กลับจีน ซึ่งมีเส้นบางๆ ในสิ่งที่ทำอยู่ ระหว่างการเดินทางกลับโดยสมัครใจ หรือการผลักดันบังคับกลับประเทศต้นทาง ซึ่งนายกรัฐมนตรีเคยให้สัมภาษณ์ยืนยันว่าชาวอุยกูร์มีความสมัครใจกลับ ไม่งั้นต้องถูกลากขึ้นไปแล้ว
หลังรัฐบาลส่งตัวชาวอุยกูร์ 40 คนกลับจีน แม้มีข้อมูลยืนยันว่าพวกเขาถือสัญชาติตุรกี กัณวีร์เผยว่า กระบวนการเริ่มตั้งแต่ 7 มกราคม 2568 เมื่อจีนขอตัว 45 คน ขณะที่ สตม. ถ่ายภาพและให้ลงชื่อในเอกสารบางอย่าง กัณวีร์เปิดเผยคลิปเสียงของชาวอุยกูร์ที่ร้องขอความช่วยเหลือจากนานาชาติ และระบุว่า เจ้าหน้าที่ สตม. อ้างว่าจะไม่มีการปล่อยตัวกลับจีน แต่ในวันที่ 17 มกราคม ที่ประชุม สมช. มีมติส่งตัวชาวอุยกูร์กลับ แม้ฝ่ายการเมืองบางส่วนปฏิเสธไม่รับรู้ ต่อมา สตม. อนุญาตให้สถานทูตจีนเข้าพบผู้ต้องกัก ก่อนที่ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเข้าหารือเรื่องนี้กับ สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน
กระทั่ง 27 กุมภาพันธ์ เวลา 02.14 น. ขบวนรถของกรมราชทัณฑ์ขนชาวอุยกูร์ออกจากสถานกักตัว สตม. ซึ่งผิดระเบียบปฏิบัติปกติ และขึ้นเครื่องไปซินเจียง ประเทศจีน รัฐบาลไทยปฏิเสธข้อกล่าวหาถึง 6 ครั้ง ก่อนที่ฝ่ายความมั่นคงต้องออกมาแถลงยอมรับในช่วงค่ำ ขณะที่คำขอหลักฐานยืนยันความสมัครใจ เช่น ภาพจาก CCTV ทาง สตม. แจ้งว่าไม่มีบันทึกไว้
กัณวีร์ชี้ว่า วันที่ 18-20 มีนาคม ตัวแทนรัฐบาลเดินทางไปเยี่ยมชาวอุยกูร์จำนวน 5 ราย ที่ประเทศจีน ซึ่งถือว่าเป็นละครคุณธรรมปลายปิด ที่เราต่างรู้กันอยู่แล้วว่าตอนจบจะเป็นอย่างไร มองว่าเป็นการไปเพื่อฟอกขาว ตนเองรู้เลยว่า ชาวอุยกูร์ 2 คน จาก 5 คนนั้น ที่ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ไปพบ ท่านรู้หรือไม่ว่าลูกเมียเขาอยู่ที่ไหน พวกเขาไปตั้งถิ่นฐานใหม่ที่ประเทศที่ 3 ไปแล้ว เมื่อปี 2558 แล้วท่านคิดว่า เขาจะกลับไปพบครอบครัวกับใคร
อีกคนหนึ่งที่ พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมไปพบ ท่านทราบหรือไม่ว่าเขาเป็นผู้ป่วยจิตเวช มีเวชระเบียนหรือเปล่า ท่านใดพูดคุยหรือมียาไปให้เขาหรือไม่ นี่แค่ 2 คนนะ ท่านมีข้อมูลเหล่านี้หรือเปล่า ก่อนที่ท่านจะไปทำละครคุณธรรมให้คนทั่วโลกเห็น สิ่งที่ท่านทำไม่ถูกต้อง
“การผลักดันชาวอุยกูร์กลับยืนทำให้รัฐบาลไทยได้รับผลกระทบหลายอย่างในเวทีโลก ผมเคยอภิปรายว่าการตระบัดสัตย์ในประเทศเลวร้ายแล้ว แต่การตระบัดสัตย์ในเวทีระหว่างประเทศเลวร้ายยิ่งกว่า เป็นเหตุให้ไทยถูกประณาม เสียทั้งภาพลักษณ์และผลประโยชน์ เหตุใดเราจึงต้องเอาตัวไปอยู่ท่ามกลางการเมืองระหว่างประเทศ เราควรมีจุดยืนที่มั่นคง แต่ผมยังไม่เห็นหนทางใดจะให้ไทยหลุดพ้นจากสถานการณ์นี้”
กัณวีร์เปิดเผยว่า มีหลักฐานแสดงความไม่สมัครใจกลับสู่ประเทศจีน คือใบมรณบัตรของชาวอุยกูร์ 2 คน เป็นชายอายุ 38 ปีสัญชาติตุรกี สถานภาพสมรส เสียชีวิตเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา 18.00 น. อีกคนเป็นชายอายุ 40 ปี สัญชาติตุรกี สถานภาพไม่ระบุ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2556 สันนิษฐานว่าระบบหายใจล้มเหลวและปอดอักเสบ แม้ตนเองจะไม่ใช่คนมุสลิม แต่เข้าใจดีถึงหลักสิทธิมนุษยธรรม ร่างของทั้งสองคนที่เสียชีวิตในสถานกักตัวต้องถูกฝังอยู่ในกุโบร์ที่กรุงเทพฯ เป็นกรณีพิเศษ
“นายกรัฐมนตรีและคณะที่เกี่ยวข้องกับการผลักดันชาวอุยกูร์ทำผิดมหันต์ พาประเทศไปอยู่ขอบหน้าผาที่พร้อมจะตกได้ตลอดเวลา ท่านเย้ยหยันหลักยุติธรรมจนทั่วโลกร่วมประณาม และประเทศที่ไปทำดีลไว้ยังลดความน่าเชื่อถือของท่าน นโยบายการต่างประเทศของไทย เขียนด้วยมือและลบด้วยเท้าที่สกปรกของพวกท่าน ท่านไม่รักษาคำพูดและจุดยืนในการจะไม่ไปเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้ง” กัณวีร์ระบุ
กัณวีร์กล่าวว่า การกระทำของท่านเตรียมการไว้อย่างเลือดเย็น เปรียบเสมือนอาชญากรรมข้ามชาติ มีการเตรียมความพร้อมไว้อย่างยาวนาน เสมือนขบวนการนำพา ที่อยู่ดีๆ ก็นำรถของกรมราชทัณฑ์มานำตัวชาวอุยกูร์ผลักดันกลับไปประเทศจีน สิ่งเหล่านี้คืออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ โลกเห็น แต่ไทยไม่เห็น ทำผิดกฎหมายหลายข้อทั้งของไทยและต่างประเทศ หากท่านไม่สามารถหาหลักฐานความสมัครใจของชาวอุยกูร์ได้ ละครคุณธรรมของพวกท่านก็จะได้ผลแค่กับพวกท่านเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างอภิปราย ภูมิธรรม, พ.ต.อ. ทวี และ มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้มานั่งฟังการอภิปรายในครั้งนี้ด้วย