วันนี้ (24 มีนาคม) พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ลุกขึ้นชี้แจงแทนนายกรัฐมนตรี ภายหลังที่ วรภพ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ที่กล่าวหาว่ารัฐบาลโกงค่าไฟประชาชน และมีการทุจริตเชิงนโยบาย เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนพลังงานที่สนิทสนมกับนายกรัฐมนตรี
พีระพันธุ์ระบุตอนหนึ่งว่า ตนอยู่ในรัฐบาลภายใต้แกนนำของพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่สมัย เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี จนมาถึงสมัยแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่มีตำแหน่งเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ยืนยันได้ว่า ทั้ง 2 คน ได้ทำหน้าที่เป็นอย่างดี และสนับสนุนให้เดินหน้าแก้ไขปัญหาเรื่องราคาไฟฟ้าตั้งแต่ต้น รวมไปถึงเรื่องราคาน้ำมัน ซึ่งหากไม่ได้นายกฯ 2 คนนี้ หลายเรื่องที่ตนได้ดำเนินการในวันนี้ก็คงจะเดินหน้าไม่ได้จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่ท่าน
พีระพันธุ์ยังชี้แจงถึงเรื่องการรับซื้อไฟฟ้าหมุนเวียนว่า เคยอธิบายให้นายกรัฐมนตรีรับทราบแล้ว และนายกรัฐมนตรีได้สอบถามว่าจะแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างไร ซึ่งอันดับแรกต้องหาทางหยุด อย่าเพิ่งเซ็นสัญญาก่อน นายกรัฐมนตรีก็เห็นด้วยในเรื่องนี้ และบอกให้ตนเดินหน้าทำหนังสือถึงคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) แต่ทางคณะกรรมการ กกพ. ได้ประกาศแจ้งว่า ตนเองที่เป็นรองนายกรัฐมนตรีไม่มีอำนาจ
เมื่อ กกพ. เดินหน้าประกาศก็ไม่มีทางเลือก นายกรัฐมนตรีจึงได้มีการเรียกประชุม แต่มีแขกมาสำคัญมาเข้าพบ จึงบอกให้ตนดำเนินการประชุมต่อไป ไม่เช่นนั้นจะเกิดการล่าช้าเพิ่มอีก ยืนยันนายกรัฐมนตรีไม่ได้นิ่งใจ และเพิกเฉย
ขณะที่เรื่องของค่าแอดเดอร์ (Adder) หรือ สัญญาซื้อขายไฟฟ้าแบบชั่วนิรันดร์ ที่ไม่สามารถยกเลิกได้ เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2550 ซึ่งตนก็แปลกใจว่า ทำไม กกพ. ถึงเพิ่งออกมาพูด ส่วนการลดค่าไฟฟ้า 17 สตางค์ต้องมีการตรวจสอบว่าจริงหรือไม่ มาได้อย่างไร แต่เห็นด้วยกับเรื่องของค่าความพร้อมเดินเครื่อง (AP) เพื่อจ่ายไฟฟ้า
ทั้งนี้ พีระพันธุ์ได้ตั้งคำถามว่า ปัญหาเรื่องราคาพลังงานตอนนี้อยู่ที่ใครกันแน่ ใครเป็นคนคิด เป็นคนกำหนด ตนได้หารือเรื่องดังกล่าว กับ 2 นายกรัฐมนตรีที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ระหว่างการวางรูปแบบต่างๆ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสมากขึ้น
ส่วนเรื่องของแผนพัฒนาพลังไฟฟ้า (PDP) ที่ยังไม่จบ เนื่องจากรัฐบาลยังไม่ยอม ไม่ใช่เป็นการเปิดช่องให้กับนายทุน แต่เพราะตนไม่เห็นด้วยกับการวางกรอบพลังงานในระยะยาว รวมถึงการประเมินว่า ปี 2580 จะมีการใช้ไฟฟ้าถึง 1 แสนเมกะวัตต์ ในฐานะที่ควบคุมรับผิดชอบก็ต้องดูแล ยืนยันว่า ไม่มีสัญญาใดๆ ที่นายกรัฐมนตรีไปเซ็นไว้ เพราะสัญญาซื้อขายไฟฟ้า เป็นการเซ็นระหว่างการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กับผู้ที่ประมูลได้ ไม่ใช่นายกรัฐมนตรี หรือใคร และรัฐบาลชุดนี้ยังไม่มีการประมูล
พีระพันธุ์ระบุอีกว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่เคยเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุน ไม่เช่นนั้นคงไม่ถูกสื่อมวลชนแซะอยู่ทุกวันนี้ ซึ่งหากตนอยู่แล้วได้ประโยชน์กันหมดจะเป็นเช่นนี้หรือไม่ ยืนยันได้ว่าสิ่งที่ตนเองพูดเป็นความจริง และไม่ได้เป็นอย่างที่ฝ่ายค้านกล่าวหา อย่างไรก็ตามรัฐบาลพยายามหาทางแก้ไขปัญหาทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน